สรุปการประชุม แนวทางการบริหารงานร่วมกันระหว่าง สภาสถาปนิกและ 4 สมาคมวิชาชีพสถาปัตยกรรม
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2563 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 201 ชั้น 2 สภาสถาปนิก

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 สภาสถาปนิกได้จัดการประชุม โดยมีผู้แทนจากทั้ง 4 สมาคมวิชาชีพ และ สภาสถาปนิก เข้าร่วมอาทิ พล.อ.ต. ม.ล.ประกิตติ เกษมสันต์ นายกสภาสถาปนิก, ผศ.ดร.ไขศรี ภักดิ์สุขเจริญ นายกสมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย, คุณวิภาวดี พัฒนพงศ์พิบูล นายกสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย, คุณนำชัย แสนสุภา นายกสมาคมภูมิสถาปนิกแห่งประเทศไทย, คุณชนะ สัมพลัง นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, คุณพิพัฒน์ รุจิราโสภณ เลขาธิการฯ แล ะ คุณปรีชา นวประภากุล ผู้แทนสมาคมฯ ร่วมหารือ เรื่องแนวทางการบริหารงานร่วมกันระหว่างสภาสถาปนิกและ 4 สมาคมวิชาชีพสถาปัตยกรรม ซึ่งมีสารเพื่อสร้างความร่วมมือในระหว่างสมาคมวิชาชีพ ทั้งเรื่องการทำงานร่วมกัน ข้อบัญญัติวิชาชีพทั้งในอดีตและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในการประชุมครั้งนี้มีการกำหนดให้ประชุมทุก 3 เดือน ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุงวิธีการดูแลสมาชิก การประชาสัมพันธ์ข่าวสาร รวมถึงการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องของการปฏิบัติวิชาชีพ ให้กับลูกค้า, หน่วยงานของภาครัฐ และต่อสถาปนิกในแต่ละสาขาวิชาชีพเอง
ในครั้งที่ 1 สภาสถาปนิกได้มีการยกประเด็นต่างๆมาหารือโดยสรุปได้ดังนี้
- ผลักดันวิชาชีพสถาปัตยกรรมสู่สากล
- ความเป็นเอกภาพของทุกสาขาวิชาชีพ
- กำหนดขอบเขตงานของแต่ละสาขาให้มีความชัดเจน (แก้กฎกระทรวง)
- บังคับใช้ ใบอนุญาตทุกสาขา
- ส่งเสริมความสามัคคีทุกสาขา
- ระบบบริหารมีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล
- การยกระดับมาตรฐานวิชาชีพให้มีความมั่นคง
- สถาปนิกมีความเท่าเทียมกันทุกภูมิภาค
- งานจรรยาบรรณและงานกฎหมาย มีความมั่นคงแข็งแรง
- สังคมไทยเข้าใจวิชาชีพสถาปนิก
ในตอนท้ายมีการพูดถึงการให้สมาชิกภาพของสภาสถาปนิกมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกับการเป็นสมาชิกภาพของสมาคมวิชาชีพแต่ละสาขา โดยที่ประชุมจะนำไปศึกษาวิธีการและประกาศต่อไปในแต่ละสมาคมเอง
ข้อคิดเห็นจากสมาคมวิชาชีพ เพิ่มเติม
1) สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
– ควรมีการร่วมมือกันระหว่างสมาคมวิชาชีพและสภาสถาปนิก เช่น สมาคมมีหน้าที่ส่งเสริมด้านพัฒนาวิชาชีพร่วมกับสภาสถาปนิก และสมาชิกได้ต่อยอดในการปฏิบัติวิชาชีพได้ และร่วมกันเพื่อผลักดันบทบาททางวิชาชีพในด้านต่างๆให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
– อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ โดยทางนายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ ได้เน้นย้ำกับสภาสถาปนิกไว้ คือการประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกทราบถึงการกำกับดูแล สมาชิก ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งไม่ว่าเกิดจากระหว่างสถาปนิกด้วยกัน สถาปนิกหรือระหว่างสถาปนิกกับเจ้าของโครงการในแง่มุมต่างๆ ควรหาวิธีการสื่อสาร หรือทำความเข้าใจน่าจะเป็นประโยชน์ ทำให้สมาชิกรู้ขั้นตอนและรับมือกับสถานการณ์ได้ อันเป็นหน้าที่สำคัญของทั้งสมาคมวิชาชีพ และสภาสถาปนิก
2) สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย
– สภาสถาปนิกควรมีบทบาทในการจัดทำร่าง TOR จัดซื้อจัดจ้างงานออกแบบของภาครัฐ เพราะปัจจุบันงานสถาปัตยกรรมภายในจำเป็นจะต้องใช้มัณฑนากรในการออกแบบ แต่หน่วยงานภาครัฐยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องขอบข่ายการทำงานในด้านสถาปัตยกรรมภายใน จึงไม่มีการกำหนดขอบข่ายงานออกแบบให้ชัดเจนส่งผลให้มัณฑนากรเป็นเพียงผู้เลือกครุภัณฑ์เท่านั้น
3) สมาคมภูมิสถาปนิกแห่งประเทศไทย
– ต้องการให้สภาสถาปนิกกำหนดขอบเขตงานออกแบบภูมิทัศน์เพื่อมีผลบังคับใช้ให้ชัดเจน เพราะปัจจุบันนี้งานที่จะต้องใช้ ภูมิสถาปนิกนั้น มีเฉพาะโครงการที่จะต้องจัดทำ EIA เท่านั้น
– การทำงานร่วมกันระหว่างสมาคมวิชาชีพ ที่ให้สมาชิกมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันเพื่อพัฒนาวิชาชีพ
4) สมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย
มีความเห็นเช่นเดียวกับสมาคมสถาปนิกสยามฯ โดยเฉพาะเรื่องการร่วมมือกันระหว่างสมาคมวิชาชีพและสภาสถาปนิก
ทุกสมาคมเห็นด้วย กับการให้มีสมาชิกภาคีสมทบ ที่เป็นประชาชนหรือนักศึกษา เพื่อให้เข้าใจบทบาทหน้าที่ของแต่ละสมาคม
ผู้แทนสมาคมสถาปนิกสยามฯ
นายชนะ สัมพลัง นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
นายพิพัฒน์ รุจิราโสภณ เลขาธิการ
นายปรีชา นวประภากุล ผู้แทนอุปนายก (วิชาชีพ)