10 ก.พ. 2558
เทศบาลนครเชียงใหม่โดยความเห็นชอบของสภาเทศบาลนครเชียงใหม่และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ออก “เทศบัญญัติเทศบาลนครเชียงใหม่ เรื่อง กําหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในท้องที่ตําบลศรีภูมิ ตําบลสุเทพ ตําบลช้างม่อย ตําบลพระสิงห์ ตําบลช้างคลาน และตําบลหายยา ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2557” เพื่อควบคุมการก่อสร้างในพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ โดยใช้แทนเทศบัญญัติฉบับเดิมที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 และเทศบัญญัติฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ. 2533
เทศบัญญัติฉบับใหม่นี้ได้เพิ่มพื้นที่ควบคุมจากเดิมซึ่งควบคุมในบริเวณข้างคูเมืองเชียงใหม่ทั้ง 4 ด้านและพื้นที่ในบริเวณที่ล้อมรอบด้วยคูเมืองเชียงใหม่ ขยายออกไปทางทิศตะวันออกและทิศใต้จนถึงบริเวณเมืองชั้นนอกที่ล้อมรอบด้วยคลองแม่ข่าและลำคูไหว
พื้นที่ที่กำหนดเป็นบริเวณห้ามก่อสร้างฯ แบ่งออกเป็น 4 บริเวณ ได้แก่
บริเวณที่ 1 – ตลอดแนวกําแพงเมืองและคูเมืองทั้ง 4 ด้าน พื้นที่ที่วัดจากริมคูเมืองด้านในเข้ามาเป็นระยะ 22 เมตร และวัดจากริมคูเมืองด้านนอกออกไปเป็นระยะ 50 เมตร
บริเวณที่ 2 – พื้นที่ในบริเวณเมืองชั้นใน ที่ถูกล้อมรอบโดยบริเวณที่ 1
บริเวณที่ 3 – ในบริเวณเมืองชั้นนอก พื้นที่ที่วัดจากริมฝั่งคลองแม่ข่าด้านทิศตะวันตกเข้ามาเป็นระยะ 50 เมตร โดยเริ่มตั้งแต่บริเวณแจ่งศรีภูมิไปจนถึงจุดบรรจบของคลองแม่ข่ากับลําคูไหวด้านทิศใต้
บริเวณที่ 4 – พื้นที่ในบริเวณเมืองชั้นนอกที่ถูกล้อมรอบโดยบริเวณที่ 1 และบริเวณที่ 3

ในส่วนของข้อกำหนดการควบคุมมีการปรับเปลี่ยนจากเทศบัญญัติเดิมเป็นอันมาก พอสรุปได้อย่างสังเขปดังนี้
บริเวณที่ 1(1) ที่อยู่ภายในระยะ 22 เมตรจากริมคูเมืองทั้งด้านในและด้านนอก ห้ามก่อสร้างอาคารอื่นใด เว้นแต่เขื่อน สะพาน รั้ว อุโมงค์ ทางหรือท่อระบายน้ำ และพื้นที่จอดรถ สำหรับการดัดแปลงอาคารเดิมสามารถทำได้โดยต้องเป็นการดัดแปลงให้เป็นอาคารแบบล้านนาหรือแบบพื้นเมืองภาคเหนือ โดยห้ามยื่นล้ำเกินจากแนวอาคารเดิม
ลักษณะอาคาร
บริเวณที่ 1(2) ส่วนที่เหลือ คือจากระยะ 22 เมตรจากริมคูเมืองด้านนอกถึงระยะ 50 เมตร การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารจะต้องเป็นอาคารแบบล้านนาหรือแบบพื้นเมืองภาคเหนือ
บริเวณที่ 1(2) บริเวณที่ 2, 3 และ 4 ห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงเป็นอาคารที่มีรูปทรงสามเหลี่ยม รูปทรงกลม หรือรูปทรงอิสระ
บริเวณที่ 2, 3 และ 4 ห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร ดังนี้
– อาคารที่มีความสูงเกิน 12 เมตร (วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด ไม่รวมโครงสร้างสำหรับใช้ในการส่งกระแสไฟฟ้า รับส่งสัญญาณวิทยุ สัญญาณโทรทัศน์ หรือสัญญาณสื่่อสารทุกชนิด)
– รั้วหรือกําแพงที่มีความสูงเกิน 3 เมตร และมีส่วนโปร่งน้อยกว่าร้อยละ 30 และมีสีเป็นสีอื่น เว้นแต่ มีสีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 เป็นสีน้ําตาล ครีม ขาว ขาวนวล สีของวัสดุธรรมชาติ และมีค่าการสะท้อนแสงไม่เกินร้อยละ 30
– อาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยชั้นต่ําสุดอยู่ต่ํากว่าระดับถนนด้านหน้าอาคารเกิน 3 เมตร
บริเวณที่ 1(2) และบริเวณที่ 2
– พื้นที่รวมผังโครงหลังคาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ต้องเป็นหลังคาทรงจั่ว ทรงปั้นหยา หรือทรงปั้นหยาผสมจั่ว โดยมีความลาดชันระหว่าง 25-60 องศา ยื่นชายคาไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร สีหลังคาต้องเป็นสีน้ำตาล น้ำตาลแดง น้ำตาลส้ม เทา สีของวัสดุธรรมชาติ และมีค่าการสะท้อนแสงไม่เกินร้อยละ 30 และห้ามการใช้สอยพื้นที่บนหลังคาทุกประเภทเพื่อวางระบบอาคาร (เช่น แท็งก์น้ำ เครื่องปรับอากาศ) เว้นแต่จะมีการออกแบบเพื่อป้องกันการทำลายทัศนียภาพของเมืองเก่าแล้ว
– ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของผนังภายนอกต้องเป็นสีน้ำตาล ครีม ขาว ขาวนวล สีของวัสดุธรรมชาติ และหรือมีค่าการสะท้อนแสงไม่เกินร้อยละ 30
– อาคารที่มีวัสดุปูพื้นที่ว่างด้านหน้าอาคารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของพื้นที่ต้องเป็นสีน้ำตาล ครีม ขาว ขาวนวล สีของวัสดุธรรมชาติ และหรือมีค่าการสะท้อนแสงไม่เกินร้อยละ 30
บริเวณที่ 3 และบริเวณที่ 4 ลักษณะหลังคา ผนังภายนอก และพื้นที่ว่างด้านหน้าอาคาร เช่นเดียวกับบริเวณที่ 1 และบริเวณที่ 2 แต่ลดจากร้อยละ 80 เป็นร้อยละ 70
ประเภทอาคารที่ห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงในบริเวณที่ 2 และบริเวณที่ 4
ในบริเวณที่ 2 และบริเวณที่ 4 ห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารบางประเภท เช่น โรงงานเกิน 100 ตารางเมตร, สถานที่เก็บสินค้า เว้นแต่รอจำหน่ายไม่เกิน 100 ตารางเมตร, สถานบริการ, สถานีขนส่ง, บ้านเดี่ยวที่เกิน 1,000 ตารางเมตร, ห้องแถว, ตึกแถว, บ้านแถว, หอพัก, อาคารอยู่อาศัยรวม, ศูนย์ประชุมหรืออาคารแสดงสินค้า เว้นแต่ที่ส่งเสริมเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ไม่เกิน 1,000 ตารางเมตร, สถานพยาบาลเกิน 30 เตียง, โรงแรมซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังห้ามอาคารอีกประเภทหนึ่งซึ่งน่าสนใจคือ ประติมากรรมที่เข้าข่ายเป็นสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ โดยยกเว้นที่เป็นอนุสรณ์สถานของบุคคล หรือเหตุการณ์สําคัญที่เกี่ยวข้องกับเมืองเก่าเชียงใหม่
ในบริเวณที่ 2 และบริเวณที่ 4 ยังได้กำหนดให้มีระยะห่างสำหรับอาคารทุกชนิด ได้แก่ 1) ในระยะ 6 เมตร จากโบราณสถาน 2) ในระยะ 6 เมตร จากรอบนอกแนวเขตที่ดินของวัด เขตที่ดินของคริสตจักร หรือเขตที่ดินของมัสยิดหรือสุเหร่า เว้นแต่อาคารอยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว 3) ในระยะ 3 เมตร จากศูนย์กลางของทางสาธารณะสําหรับถนนสาธารณะที่มีความกว้าง น้อยกว่า 6 เมตร เว้นแต่ เขื่อน สะพาน อุโมงค์ ทางหรือท่อระบายน้ำ
ในบริเวณที่ 2 มีประเภทอาคารที่ห้ามก่อสร้างหรือดัดแปลง ซึ่งไม่ได้ห้ามในบริเวณที่ 4 เช่น โรงมหรสพ สวนสนุก เป็นต้น