สมาคมอสังหาฯร้องรัฐแก้ไข EIA ชี้เกณฑ์”บังแดด-ลม-วิว”ขัดแย้งกม.ควบคุมอาคาร

สมาคมอสังหาฯร้องรัฐแก้ไข EIA ชี้เกณฑ์”บังแดด-ลม-วิว”ขัดแย้งกม.ควบคุมอาคาร

นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ให้ความเห็นว่า จากกรณีโครงการคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่งไม่ผ่านความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) หลายครั้ง เนื่องจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ได้นำเรื่องผลกระทบทางทัศนวิสัย ได้แก่การบดบังวิว ทิศทางลม แสงแดดที่เกิดขึ้นกับอาคารข้างเคียงเข้ามาประกอบการพิจารณา เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น สมาคมอาคารชุดไทยจะหารือกับสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ว่าจะผลักดันหรือมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างไรบ้าง เพราะมีโอกาสจะเกิดกรณีแบบนี้ได้อีกในอนาคต

ประเด็นปัญหาการพิจารณารายงาน EIA ปัจจุบัน คือ ไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนจาก คชก.ว่าต้องจัดทำมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างไรจึงจะผ่านการพิจารณาเห็นชอบ โดยทุกครั้ง คชก.จะระบุเพียงว่าให้ไปจัดทำมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเรื่องใดบ้าง เช่น เรื่องการบำบัดน้ำเสีย เรื่องการจราจร เป็นต้น แต่ไม่มีหลักปฏิบัติเป็นแนวทางให้

ในเมื่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีความเสี่ยงสูง สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ควรจะเปิดโอกาสให้จัดทำและยื่นรายงาน EIA ได้ก่อนจะซื้อที่ดิน ที่ผ่านมา ถ้าจะทำรายงาน EIA ส่งให้ สผ.พิจารณาได้ จะต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนนั้นก่อน แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ควรจะเปิดโอกาสให้ทำรายงานเบื้องต้น หรือฉบับย่อส่งให้พิจารณา ขั้นต้นก่อน

นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า โครงการ คอนโดฯดังกล่าว ถือเป็นกรณีที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้ก่อสร้างอาคารสูงบนที่ดินข้างเคียงอาคารเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่พอมาถึงขั้นตอนพิจารณารายงาน EIA กลับกลายเป็นว่า คชก.มีอำนาจใช้ดุลพินิจไม่ผ่านความเห็นชอบ ทำให้โครงการยังก่อสร้างไม่ได้ ซึ่งไม่ชอบด้วยเหตุผล ที่สำคัญ จากกรณีที่เกิดขึ้น อาจจะส่งผลให้ผู้ประกอบการพยายามเลี่ยง

ในส่วนของสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรมีข้อเสนอแนะ คือ 1) ในเมื่อการพิจารณารายงาน EIA มีความเสี่ยง ก็ควรเปิดโอกาสให้สามารถทำรายงานส่งให้ สผ.พิจารณาได้ก่อน โดยที่ยังไม่ต้องซื้อที่ดินเข้ามาเป็นกรรมสิทธิ์ และ 2) สผ.หรือ คชก. ควรมีหลักปฏิบัติที่ชัดเจน

คัดจาก ประชาชาติธุรกิจ online วันที่ 23 เม.ย. 2554

Facebook
Twitter
LinkedIn