บ้านขุนนคร
อ่านเพิ่มเติม
บ้านขุนนคร
- ที่ตั้งเลขที่ 1664 ถนนราชดำเนิน ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
- ผู้ครอบครอง เทพไท เสนพงศ์
- ปีที่สร้าง พ.ศ.2435
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2548
ประวัติ
บ้านขุนนคร เป็นตึกแถวรุ่นแรกๆ ที่สร้างขึ้นกลางเมืองนครศรีธรรมราช สร้างโดยเถ้าแก่เหมียน ซึ่งเป็นพ่อค้า จากเมืองจีนได้มาแต่งงานกับนางปูนิ่ม คนไทยเชื้อสายจีน โดยสร้างเป็นอาคารร้านค้าขายของชำต่างๆ เครื่องปั้นดินเผาจำพวก โอ่ง ไห อ่าง อั้งโล่ หม้อ ถ้วยชาม ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ถูกส่งเข้ามาทางเรือ เมื่อถึงแก่กรรม บุตรชาย 2 คน คือ นายยกสุย และนายยกฝั้น (ขุนนครเลาหวนิช) จึงเป็นผู้รับมรดกตึกและตั้งชื่ออาคารว่า นครวานิช จนเมื่อย่านการค้าเปลี่ยนแปลง กิจการของร้านนครวานิชก็ซบเซาลงไป ประกอบกับทายาทรุ่นหลังที่ได้รับการศึกษาสูงส่วนหนึ่งเป็นข้าราชการจึงย้ายถิ่นฐานและเลิกทำการค้าที่อาคารหลังนี้ไป
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นอาคาร 2 ชั้น ในบริเวณพื้นที่ขนาด 8.00 x 27.60 เมตร ด้านหน้าอาคารแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเสาผนังอาคารเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน มีการผสมผสานลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมจีนและตะวันตก โดยความเป็นจีนเห็นได้จากการวางผังแบบสมมาตร มีบ่อน้ำบริเวณโถงด้านหลังของอาคาร รูปทรงของอาคารและหลังคาที่มีชายคาตื้นสั้น ในขณะที่ บัวหัวเสา ลวดบัว และซุ้มโค้ง เป็นลักษณะที่มาจากอิทธิพลตะวันตก รูปแบบภายนอกของอาคารดูเรียบง่าย ภายในเพดานสูง มีพื้นที่เปิดโล่งทำให้โปร่งสบาย เหมาะกับภูมิอากาศเมืองร้อน ส่วนบนอาคารด้านหน้าเป็นพนักขอบหลังคาแบบผนังทึบยาว ตลอดแนวปิดหลังคาจั่วที่อยู่ด้านหลัง ตรงกลางส่วนนี้มีป้ายปูนปั้นเขียนว่า บ้านขุนนคร พ.ศ. 2435 หลังคาอาคารมุงด้วยกระเบื้องขอดินเผาพื้นเมือง
หลังจากทิ้งร้างและเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ ผู้ครอบครองจึงได้มีการการบูรณะตึกเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้สอย โดยรักษารูปแบบเดิมไว้ให้มากที่สุด ใช้เวลาในการบูรณะปรับปรุงประมาณ 1 ปี จึงได้เปิดดำเนินการอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยใช้ชื่ออาคาร สภากาแฟ บ้านขุนนคร ทำให้ตึกเก่าแก่หลังนี้มีชีวิตชีวาและได้ทำประโยชน์ต่อสังคมอีกครั้ง ก่อนจะมีการปรับเปลี่ยนการใช้งานเป็นธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขานครศรีธรรมราช ในปัจจุบัน และปรับปรุงซ่อมแซมอาคาร อีกครั้ง หลังจากเกิดอุทกภัยน้ำท่วมในเขตตัวเมืองนครศรีธรรมราชจนสร้างความเสียหายต่ออาคาร รวมทั้งปรับเปลี่ยนรายละเอียดการตกแต่งภายในบางส่วน บริเวณชั้นล่างเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานของธนาคารสาขา แต่ยังคงแนวทางในการอนุรักษ์อาคารโดยใช้รายละเอียดวัสดุและลวดลายตกแต่งที่สอดคล้องกับอาคารเดิมตามเจตนาของผู้ครอบครอง ในการพยายามรักษารูปแบบดั้งเดิมของอาคารด้วยความภาคภูมิใจ
Ban Khun Nakhon (Khun Nakhon House)
- Location 1664 Ratchadamnoen Road, Tambon Tha Wang, Amphoe Mueang, Nakhon Si Thammarat Province
- Proprietor Thepthai Senphong
- Date of Construction 1892
- Conservation Awarded 2005
History
Ban Khun Nakhon, one of the first rowhouses in the heart of Nakhon Si Thammarat, was constructed by Mr. Mian, a Chinese immigrating merchant, to function as retail store mainly selling earthenware imported from China. After Mr. Mian passed away, the store was inherited to his two sons, Mr. Yoksui and Mr. Yokfan (Khun Nakhon Laohawanit) and named “Nakhon Wanit”. However, the business later became abortive since its surrounding area has been changed and the well-educated heirs have moved to work in urban cities and abondoned their family business.
This house is a 2-storey brick masonry building representing a mixture of Chinese and Western styles known as “Chino-Portuguese”. Its Chinese style could be seen from the symmetrical plan, the form and the roof; whereas Western influences are visible in decorative elements such as capitals, mouldings, and arches. External appearance of the building looks simple and the interior rooms feature high ceilings for comfort and good ventilation, suitable for the hot climate.
Due to the commitment and intention of the present owner, this old building has been revived and served its function to the society while still being remained its originality in architectural style. The restoration took approximately 1 year, and then it resumed the function in 2000 under the name “Sapha Kafae Ban Khun Nakhon”. The building has been refurbished again as the Islamic Bank of Thailand, Nakhon Si Thammarat branch. Despite a devastating flood within the city, the bank was overhauled and adapted its lower floor’s interior to serve the bank’s operation. However, all decorative details and materials have been maintained according to the intention of present owner who wants to preserve the ingenuity of this heritage.


บ้านไกรจิตติ
อ่านเพิ่มเติม
บ้านไกรจิตติ
- ที่ตั้งเลขที่ 199 ถนนข้าวสาร แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
- ผู้ครอบครอง ศาสตราจารย์สรรเสริญ ไกรจิตติ
- ปีที่สร้าง ประมาณปี พ.ศ.2452
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2548
ประวัติ
พระยาอาทรธุรศิลป์ (หม่อมหลวง ช่วง กุญชร) อดีตอธิบดีกรมศิลปากรได้ว่าจ้างช่างอิตาเลียนที่รับราชการในสยาม สร้างบ้านไกรจิตติขึ้นเพื่อยกให้เป็นเรือนหอของบุตรสาว คือ คุณหญิงเชย เมื่อครั้งสมรสกับพระยากฤตราชทรงสวัสดิ์ (สุดใจ ไกรจิตติ)อดีตองคมนตรีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 คุณหญิงเชยนั้นก็เป็นพระอาจารย์ถวายการสอนการวาดภาพให้กับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินิด้วย ด้วยคุณหญิงเชยนั้นเคยเป็นศิษย์ท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี หลังจากพระยา กฤตราชทรงสวัสดิ์ถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2495 คุณหญิงเชยได้ยกบ้านไกรจิตติให้เป็นสมบัติแก่บุตรชาย คือ ศาสตรจารย์สรรเสริญไกรจิตติ
บ้านไกรจิตติเป็นอาคาร 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา เปิดจั่วที่มุขหน้า ประดับหน้าจั่วด้วยไม้ฉลุลายอย่างบ้านขนมปังขิง สถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ประกอบด้วยระเบียงลูกกรงปูนปั้น หน้าต่างเปิดถึงพื้น ช่วงบนเป็นบานเกล็ดไม้ ช่วงล่างเป็นลูกฟัก เหนือหน้าต่างเป็นช่องแสงโค้งกลม ภายในตีไม้แบ่งเป็นช่อง กรุกระจกฝ้า ภายนอกอาคารมีลวดบัวปูนปั้นประดับแบบค่อนข้าง เรียบง่าย ภายในอาคารตกแต่งในหลากหลายรูปแบบผสมผสานกันแบบเอเคลคติก (Eclectic) เช่น แบบอียิปต์ แบบจีน และแบบตะวันตก
ปัจจุบัน บ้านไกรจิตติชั้นบนแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนของห้องนิทรรศการเพื่อแสดงเรื่องราวความเป็นมาของ เกาะรัตนโกสินทร์ ส่วนอีกห้องหนึ่งเจ้าของบ้านให้เป็นห้องสำหรับจัดแสดงเรื่องราวของตระกูล ไกรจิตติ และห้องสุดท้ายเป็นแกลอรีศิลปะเพื่อแสดงงานของศิลปินโดยไม่เก็บค่าเช่า ชั้นล่างให้เช่าเป็นร้านกาแฟ มีการใช้เฟอร์นิเจอร์กับของตกแต่งที่เข้าชุด กับลักษณะและยุคสมัยของบ้าน ติดกับส่วนร้านกาแฟเป็นห้องวิคตอเรียน ถัดเข้าไปอีกเล็กน้อยเป็นห้องเมมฟิสลักษณะแปดเหลี่ยมตกแต่งแบบอียิปต์
Kraichitti Art Gallery (Ban Kraichitti)
- Location Khao San Road, Khwaeng Talat Yot, Khet Phra Nakhon, Bangkok
- Architect/Designer Italian architects in the reign of King Rama V Proprietor Prof. Sansoen Kraichitti
- Date of Construction 1909
- Conservation Awarded 2005
History
According to history of the house, Ban Kraichitti (Kraichitti House) was created out of love, because Chao Phraya Athonthurasin (Mom Luang Chuang Kunshon), former Director-General of the Fine Arts Department, had the house designed and built by Italian architects as a present to his daughter, Khunying Choei Kraichitti, on her wedding to Phraya Kritaratsongsawat.
Ban Kraichitti is a 2-storey, hipped roof building with a gable at the front porch, decorated with wood openwork in Gingerbread style. The architecture is Colonial, including verandahs enclosed with cement balustrades. The French windows have top parts with wooden louvers and lower parts with wood panelings while the headlights are wood-framed filled with translucent glass panels. The exterior is decorated with mouldings in simple style while the interior has a blend of several styles in Eclectic fashion i.e. Egyptian, Chinese, Victorian, etc., making the house an interesting “art gallery” by its own décor.
The upper floor of the house is separated into 3 parts. First part is an exhibition room in which the history of Rattanakosin is displayed; the second room exhibits the history of Kraichitti family, and the last room is an art gallery where artists can exhibit their works without having to pay exhibiting fees.







บ้านบาหยัน
อ่านเพิ่มเติม
บ้านบาหยัน
- ที่ตั้ง 119 ถนนเพชรเกษม อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- ผู้ครอบครอง ตระกูลจัยวัฒน์
- ปีที่สร้างพ.ศ. 2466
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2548
ประวัติ
บ้านบาหยัน เดิมชื่อว่าบ้านพลับป่าซึ่งเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ยกใต้ถุนสูง สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศชายทะเลหัวหินของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ต่อมาได้ประทานให้พระธิดาคือ หม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมาน พระชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาท หลังจาก หม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมานสิ้นชีพิตักษัย ผู้จัดการมรดกของหม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมานได้แบ่งที่ดินออกเป็นแปลงย่อยเพื่อมอบให้แก่ทายาท และที่ดินของบ้านหลังนี้ก็ได้ถูกขายให้กับคุณประภา จัยวัฒน์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2495 และบ้านพลับป่าจึงได้รับการขนานนามใหม่ว่า บ้านบาหยัน ตามชื่อกิจการแป้งน้ำบาหยันซึ่งเป็นธุรกิจเครื่องสำอางของครอบครัวจัยวัฒน์ โดยผู้ตั้งชื่อ คือ คุณโชติ แพร่พันธ์ หรือที่รู้จักกันดีในนามปากกา ยาขอบ ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 – 2547 ตระกูลจัยวัฒน์ได้ปรับปรุงบ้านบาหยันให้เป็นที่พัก และมีการสร้างอาคารที่พักขนาดเล็ก รวมทั้งจัดภูมิทัศน์ในที่ดินบ้านบาหยันให้สวยงามโดยเลือกใช้ต้นไม้ในท้องถิ่น ปัจจุบันที่พักแห่งนี้มีชื่อว่า โรงแรมบ้านบาหยัน
บ้านบาหยันเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น หลังคาปั้นหยา มุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นเขตร้อนชื้น ตัวอาคารวางตามแนวเหนือ – ใต้ ขนานกับทะเลหัวหิน ชั้นล่างอาคารประกอบด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ ห้องนวด และห้องเก็บอุปกรณ์ ชั้นบน ชั้นบนประกอบด้วยห้องนอน 4 ห้อง ห้องน้ำ 3 ห้อง มีระเบียงขนาดใหญ่ด้านหน้าบ้าน และระเบียงขนาดเล็กหลังบ้านซึ่งเป็นส่วนที่ต่อเติมขึ้นภายหลัง มีการประดับตกแต่งอาคารบริเวณลูกกรงและไม้ฉลุลายในส่วนช่องแสง แผงกันแดด ราวระเบียงและบันได
บ้านบาหยันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของตระกูลจัยวัฒน์ในการอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรม ด้วยการปรับเปลี่ยนประโยชน์ใช้สอย เพิ่มเติมระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ และรักษารูปแบบดั้งเดิมของอาคารไว้ รวมทั้งสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สามารถนำรายได้มาใช้ในการบำรุงรักษา และสืบทอดมรดกสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่านี้ต่อไป
Ban Bayan (Bayan House)
- Location 19, Petchkasem Road, Amphoe Hua Hin, Prachuap Khiri Khan Province
- Proprietor Chaiyawat family
- Date of Construction 1923
- Conservation Awarded 2005
History
Ban Bayan, originally named “Ban Phlap Pa” (Wild Apricot House), was built during the reign of King Rama VI to serve as a recreational resort for H.R.H. Prince Krommaphraya Thewawongwaropakan and was subsequently inherited to his daughter, Mom Chaoying Apsonsaman, a wife of H.R.H. Prince Krommaphra Chanthaburi Naruenat. After her demise, the property was divided and allocated to her heirs and the land in which Bayan House was situated was sold to Mrs. Prapha Chaiyawat on 1st April 1952. Chaiyawat family called this house “Ban Bayan” following the name of their business and being named by a famous writer “Yakhop.” The house was adapted to “Ban Bayan Beach Hotel” as additional small accommodations have been constructed and various local trees were planted to create tranquil ambience.
Ban Bayan is a 2-storey wooden house in Colonial style laid on north-south axis parallel to the sea of Hua Hin. Its hipped roof was finished with cement tiles. Multi-purpose area, massage room and storage are in the ground floor; whereas the upper floor includes 4 bedrooms and 3 bathrooms. The house also extended spacious balcony in the front and small deck at its rear. Decorative elements are balustrades and wood openworks forheadlights, sunshades, railings and staircases.
This building portrays Chaiyawat family’s determination in preserving the architectural heritage with heedful care. They altered its function, added facilities and converted the property to be business while still maintaining its original style. As a result, the earning profit has been used for maintenance and conservation of this valuable estate to last into the future.


