ปรับปรุงหลักเกณฑ์คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาอีไอเอ
23 พ.ย. 2560
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ออก “ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม” ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2560 เพื่อใช้แทน ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 40 (พ.ศ. 2554)ฯ ลงวันที่ 9 มีนาคม 2554 ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ คุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญ และกำหนดรายละเอียดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯแต่ละคณะ วิธีพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ การคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญที่จะมาอยู่ในคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2560
องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ
คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ละคณะ ยังคงประกอบด้วย เลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจอนุญาตหรือเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมาย ผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญไม่เกิน 9 คน เป็นกรรมการ มีการปรับปรุงในส่วนของเลขานุการ จากเดิมกำหนดให้เจ้าหน้าที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เป็นฝ่ายเลขานุการ ได้ปรับปรุงให้ชัดเจนขึ้นคือ เจ้าหน้าที่ สผ. 1 คนเป็นเลขานุการ และอีก 2 คนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ประกาศฯฉบับนี้ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯแต่ละคณะไว้ให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งนอกจากจะมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในกรณีต่างๆ และกรอบเวลาตามพระราชบัญญัติแล้ว ยังมีอำนาจหน้าที่ในการ สั่งให้ผู้มีสิทธิทำรายงานหรือเจ้าของโครงการหรือกิจการแก้ไข เพิ่มเติม หรือจัดทำรายงานใหม่ทั้งฉบับ ตามแนวทางหรือรายละเอียดที่กำหนดไว้ ตรวจสอบหรือมอบหมายเจ้าหน้าที่นสังกัด สผ. ตรวจสอบที่ตั้งโครงการ อาจเชิญบุคคลใดที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย ความเห็น หรือคำแนะนำทางวิชาการได้เมื่อเห็นสมควร ให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการคณะหนึ่งคณะใดได้ ตามที่เห็นสมควรเมื่อได้รับการร้องขอ
คุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญและการคัดเลือก
สำหรับคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญ ในคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ได้กำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมขึ้นคือ ต้องมีสัญชาติไทยโดยกำเนิด มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์ ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก (เว้นความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ) ไม่เป็นกรรมการบริหารหรือผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลผู้มีสิทธิทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (โดยต้องแสดงหลักฐานการลาออกจากตำแหน่งภายในสิบห้าวันนับแต่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติให้ความเห็นชอบกับการแต่งตั้ง)
นอกจากนั้น ยังจะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะ ซึ่งเดิมกำหนดเพียงมีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไป กำหนดให้ต้องมีความรู้ ประสบการณ์ หรือความเชี่ยวชาญในด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญ ภายหลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีไม่น้อยกว่า 10 ปี ระดับปริญญาโทไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือระดับปริญญาเอกไม่น้อยกว่า 3 ปี (คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีอำนาจยกเว้นคุณสมบัติดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายได้)
ประกาศฯฉบับนี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญ มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการและพิจารณาคัดเลือก และกำหนดระยะเวลาและวิธีการที่ให้เลขาธิการ สผ. ดำเนินการเพื่อให้มีการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ การจัดทำประกาศเชิญชวนให้มัครเป็นผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ และปิดประกาศ การจัดทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรวิชาชีพด้านสิ่งแวดล้อม สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ให้เสนอรายชื่อผู้ซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญในคณะกรรมการผู้ชำนาญการ รวมทั้งให้ สผ. รวบรวมรายชื่อ ประวัติ ผลงานของผู้ที่เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว ภายในระยะเวลาย้อนหลังไม่เกิน 6 ปีนับจากวันที่สิ้นสุดการรับสมัคร
วิธีพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
กำหนดวิธีพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการผู้ชำนาญการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิชาการโดยแท้ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการเป็นผู้พิจารณากำหนด และให้บันทึกไว้ในรายงานการประชุมด้วยว่า เหตุใดจึงต้องใช้วิธีพิจารณาเช่นนั้น รวมทั้ง ให้นำหลักเกณฑ์ว่าด้วยการพิจารณาตามกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับโดยอนุโลม