30 พ.ค. 2557
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมออก “ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557” ครอบคลุมพื้นที่น่านน้ำทะเลและเกาะต่างๆ ในเขตอำเภอเกาะสมุย และอำเภอเกาะพะงัน
พื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม จำแนกออกเป็นบริเวณต่างๆ ได้แก่
บริเวณที่ 1 – พื้นที่น่านน้ำทะเลภายในเส้นล้อมรอบที่กำหนด ซึ่งอยู่โดยรอบเกาะสมุยและเกาะพะงัน
บริเวณที่ 2 – พื้นที่บนแผ่นดินของเกาะสมุย เกาะแตน และเกาะพะงัน ยกเว้นบริเวณที่ 3
บริเวณที่ 3 (1) – พื้นที่เกาะสมุยและเกาะพะงัน ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งแต่ 80 เมตร ถึง 140 เมตร
บริเวณที่ 3 (2) – พื้นที่เกาะสมุยและเกาะพะงัน ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เกินกว่า 140 เมตรขึ้นไป
บริเวณที่ 3 (3) – พื้นที่เกาะแตน (อ.เกาะพะงัน) ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เกิน กว่า 80 เมตรขึ้นไป
บริเวณที่ 4 – พื้นที่บนแผ่นดินของเกาะมัดหลัง เกาะฟาน เกาะวังใน เกาะวังนอก เกาะมัดสุม (อ.เกาะสมุย)
บริเวณที่ 5 – พื้นที่บนแผ่นดินของเกาะมัดแดง เกาะมัดโกง เกาะหัวตะเข้ เกาะดิน เกาะแม่ทับ เกาะแมลงป่อง เกาะฟานใหญ่ เกาะส้ม เกาะลุมหมูน้อย เกาะแหลมรายใน เกาะแหลมรายนอก (อ.เกาะสมุย) เกาะกงเกลี้ยง เกาะม้า เกาะกงธารเสด็จ เกาะแตนอก เกาะแตใน (อ.เกาะพะงัน)
บริเวณที่ 6 – พื้นที่บนแผ่นดินของเกาะราใหญ่ เกาะหลัก เกาะทะลุ เกาะเจดมูล เกาะพึง เกาะกงออก เกาะนาเทียน เกาะฟานน้อย เกาะราหิน เกาะราเทียน (อ.เกาะสมุย) เกาะกงทรายแดง เกาะกง เกาะกงนุ้ย เกาะกงริ้น (อ.เกาะพะงัน) และเกาะอื่น ๆ ที่อยู่ภายในน่านน้ำบริเวณที่ 1 ยกเว้นที่ปรากฏในบริเวณที่ 4 ถึงบริเวณที่ 7
บริเวณที่ 7 (1) – พื้นที่บนแผ่นดินของเกาะเต่า เกาะนางยวน และเกาะหางเต่า
บริเวณที่ 7 (2) – พื้นที่น่านน้ำทะเลภายในเส้นล้อมรอบที่กำหนด ซึ่งอยู่โดยรอบเกาะเต่า เกาะนางยวน และเกาะหางเต่า
สำหรับบริเวณที่ 2 จนถึงบริเวณที่ 7 (1) ซึ่งเป็นพื้นที่บนแผ่นดินนับจากแนวชายฝั่งทะเลเข้าไปในแผ่นดิน ได้กำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมไว้ ห้ามกระทำการหรือประกอบกิจการ เช่น การทำเหมืองแร่ การถมปรับพื้นที่หรือปิดกั้นซึ่งทำให้แหล่งน้ำสาธารณะในแผ่นดินตื้นเขิน เปลี่ยนทิศทางหรือทำให้น้ำในแหล่งน้ำนั้นไม่อาจไหลไปได้ตามปกติ การกระทำใดๆ ที่เป็นการเปลี่ยนสภาพธรรมชาติของพื้นที่พรุและพื้นที่ป่าชายเลน การกระทำหรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพทางกายภาพของหาดไปจากเดิม การปล่อยทิ้งมลพิษลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ การขุด ตัก กรวด ดิน ดินลูกรัง หรือทราย ในพื้นที่ที่ลาดชันเกินกว่าร้อยละ 35 การบุกรุก แผ้วถาง หรือก่อสร้างใดๆ ในบริเวณพื้นที่ป่า การสร้างสนามบินพาณิชย์ การทำสนามกอล์ฟ เป็นต้น
ในพื้นที่เหล่านี้ ยังได้กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร หรือดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณ เช่น
บริเวณที่ 2 – โรงแรมและอาคารอยู่อาศัยรวม ต้องมีพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่างตามที่กฎหมายควบคุมอาคารหรือกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองกำหนดไว้ โดยมีไม้ยืน ต้นท้องถิ่นเป็นองค์ประกอบหลัก
บริเวณที่ 3 – อนุญาตเฉพาะอาคารอยู่อาศัยที่เป็นอาคารเดี่ยว มีความสูงไม่เกิน 6 เมตร ขนาดแปลงที่ดินไม่น้อยกว่า 100 ตารางวา มีพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่าง โดยมีไม้ยืนต้นท้องถิ่นเป็นองค์ประกอบหลัก จัดให้มีการหน่วงน้ำหรือท่อที่สามารถลดอัตราการระบายน้ำออกสู่สาธารณะ ลักษณะหลังคาลาดชันตามแบบสถาปัตยกรรมไทย สถาปัตยกรรมเมืองร้อนชื้น หรือสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น โดยมีพื้นที่หลังคาไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของพื้นที่อาคาร และมีสีกลมกลืนธรรมชาติ สำหรับบริเวณที่ 3 (1) และ (3) ต้องมีที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ส่วนบริเวณที่ 3 (2) ต้องมีที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และต้องมีพื้นที่อาคารคลุมดินต่อหลัง สูงสุดไม่เกิน 90 ตารางเมตรด้วย
บริเวณที่ 4 – อาคารหรือสิ่งก่อสร้างใดๆ ต้องมีระยะห่างจากแนวชายฝั่งทะเลไม่น้อยกว่า 10 เมตร ความสูงไม่เกิน 6 เมตร พื้นที่อาคารรวมกันไม่เกิน 75 ตารางเมตร ที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 และมีพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่าง โดยมีไม้ยืนต้นที่เป็นไม้ท้องถิ่น เป็นองค์ประกอบหลัก และมีลักษณะหลังคาเช่นเดียวกับหลักเกณฑ์ในบริเวณที่ 3 สำหรับ โรงแรม ในแต่ละโครงการให้สร้างได้ไม่เกิน 50 ห้อง
บริเวณที่ 5 และบริเวณที่ 6 – ห้ามอาคารทุกชนิด ทุกประเภท สำหรับบริเวณที่ 5 เว้นแต่เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือของราชการ และบริเวณที่ 6 ยกเว้นเพื่อประโยชน์หรือความปลอดภัย ในการเดินเรือ
บริเวณที่ 7 (1) – กำหนดหลักเกณฑ์ควบคุมสำหรับพื้นที่เกาะเต่า เกาะนางยวน และเกาะหางเต่า
นอกจากนี้ ยังกำหนดห้ามก่อสร้างดัดแปลงอาคารใดๆ บนพื้นที่ที่มีความลาดชันเกินกว่าร้อยละ 50 ในบริเวณที่ 2 บริเวณที่ 4 และบริเวณที่ 7 (1) ฯลฯ
สำหรับการก่อสร้างอาคาร การดำเนินการโครงการหรือประกอบกิจการ บางประเภท จะต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นด้วย ได้แก่ โรงแรมหรืออาคารอยู่อาศัยรวมที่อยู่ห่างจากแนวชายฝั่งทะเลเกินกว่า 50 เมตรและมีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 10 ห้องถึง 79 ห้อง หรือมีพื้นที่ใช้สอยของทุกอาคารรวมกันตั้งแต่ 500 ตารางเมตร แต่ไม่ถึง 4,000 ตารางเมตร โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยค้างคืนตั้งแต่ 10 เตียง ถึง 29 เตียง การจัดสรรที่ดินที่มีจำนวนที่ดินแปลงย่อยไม่ถึง 500 แปลงหรือไม่เกิน 100 ไร่ เป็นต้น
ส่วนโครงการหรือกิจการที่จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากโครงการหรือกิจการที่จะต้องจัดทำอยู่แล้วตามประกาศกระทรวงฯฉบับอื่น ในพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมนี้ยังได้กำหนดให้ทำสำหรับโครงการหรือกิจการเหล่านี้ด้วยคือ โรงแรมหรืออาคารอยู่อาศัยรวมหรือสถานที่พักตากอากาศที่อยู่ห่างจากแนวชายฝั่งทะเลไม่เกิน 50 เมตร ฯลฯ
ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฉบับนี้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2557 มีกำหนดระยะเวลา 5 ปี จนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2562