พ.ศ. 2552

วังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร (วังวิทยุ)

อ่านเพิ่มเติม

วังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทร (วังวิทยุ)

  • ที่ตั้ง ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
  • สถาปนิก / ผู้ออกแบบ ชาลส์ เบเกอเเล็ง
  • ผู้ครอบครองทายาทราชสกุลรังสิต
  • ปีที่สร้าง ก่อสร้างเสร็จ พ.ศ. 2468
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2552

ประวัติ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ต้นราชสกุลรังสิต ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กับเจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เนื่อง สนิทวงศ์ ทรงเริ่มต้นการศึกษาที่โรงเรียนราชกุมารและเสด็จไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยไฮเดิลแบร์ค ประเทศเยอรมัน เมื่อรับราชการทรงเป็น ผู้บัญชาการโรงเรียนราชแพทยาลัย ต่อมาทรงเป็นอธิบดีกรมมหาวิทยาลัยคนแรกของสยาม ทรงเป็นอธิบดีคนแรกของ กรมสาธารณสุข และทรงวางรากฐานของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบัน และในปี พ.ศ. 2489 ทรงเป็นประธาน คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

พระองค์ทรงสร้างวังวิทยุขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับและจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุที่ทรงสะสม ที่ดินริมถนนวิทยุขณะนั้นยังเป็นท้องนาชานเมืองมีอากาศบริสุทธิ์ จึงทรงว่าจ้างนายชาลส์ เบเกอเเล็ง สถาปนิกชาวสวิสให้ออกแบบตำหนักใหม่ในรูปแบบสถาปัตยกรรมสวิส – เยอรมัน เพื่อให้หม่อมเอลิซาเบธ พระชายาชาวเยอรมันรู้สึกเหมือนอยู่กับบ้าน ตำหนักนี้ก่อสร้างเสร็จ ในปี พ.ศ.2468 พระองค์ทรงออกแบบการตกแต่งภายในตำหนักเอง และทรงระบุให้สถาปนิกทำผนังหนา เพื่อป้องกันความชื้นจากภายนอก และเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในให้สม่ำเสมอ และทรงนำฉากลายรดน้ำและศิลปะสะสมไทยต่างๆ มาประดับกับประติมากรรมและเครื่องเรือนจากยุโรปที่ทรงซื้อขณะศึกษาที่เยอรมนี เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2494 หม่อมเจ้าปิยะรังสิตรังสิต พระโอรสองค์โตและชายา คือ หม่อมเจ้าวิภาวดี รัชนี (ต่อมาได้รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต) ได้ประทับที่วังวิทยุต่อมา

ปัจจุบันวังวิทยุอยู่ในกรรมสิทธิ์ของทายาทหม่อมเจ้าปิยะรังสิต ซึ่งได้ลงนามร่วมกันในบันทึกผู้จัดการมรดกว่าจะเก็บอนุรักษ์ศิลปะ โบราณวัตถุสะสมที่วังวิทยุไว้อย่างเดิม เพื่อเทิดพระเกียรติบรรพบุรุษและจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้ในอนาคตโดยมีหม่อมราชวงศ์ปรียนันทนา รังสิต เป็นผู้จัดการดูแลรับผิดชอบ ถือเป็นวังเจ้านายที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์เพราะราชสกุลรังสิตได้ดูแลรักษามาอย่างต่อเนื่อง โบราณวัตถุ เครื่องเรือน และการตกแต่งภายในก็ยังอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าสิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะถนนวิทยุเป็นย่านธุรกิจในปัจจุบัน แต่วังวิทยุยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ เพราะ ผู้ครอบครองเห็นว่ามรดกซึ่งได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และต้องการให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้จักวิถีชีวิตของเจ้านายผู้ทรงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งวิถีชีวิตในอดีตนี้หาดูได้ยากปัจจุบันนี้

Somdet Phrachao Boromawongthoe Gromaphraya Chainatnarenthon’s Palace (Vitthayu Palace)

  • Location Witthayu Road, Khwaeng Lumpini, Khet Pathumwan, Bangkok
  • Architect / Designer Charles Berger Lang
  • Proprietor Rangsit royal family’s descendants
  • Date of Construction 1925
  • Conservation Awarded 2009

History

Somdet Phrachao Boromawongthoe Phra-ongchao Rangsitphrayunsak Gromaphraya Chainatnarenthon (or Prince Rangsit) was a son of King Rama V and Chao Chom Manda Momratchawong Nueang Sanitwong. Started his education at the Royal School in the Grand Palace and went to Heidelberg University in Germany, he later worked as the director of Ratchapattayalai School, Department of Universities and Department of Public Health in Siam.

Prince Rangsit had the Vitthayu Palace constructed to serve as his residence and showcase his antique collections. Its surrounding area at that time was still suburban rice fields. Thus he hired Mr. Charles Berger Lang, a Swiss architect, to design the palace in a Swiss-German style for his German wife, Mom Elizabeth, to feel accustomed as home and Prince Rangsit designed the interior himself. This palace features thick walls in order to prevent moisture damage from outside and to maintain consistent temperature inside. A Thai lanquer work backdrop (Lai Rot Nam) and various collectibles of Thai arts weredisplayed together with sculptures and furniture from Germany, presenting a blend of European and South East Asian design in a unique and attractive way.

Vitthayu Palace was completed in 1925. Prince Rangsit lived there with his family until his death in 1951. After that, HSH Piyarangsit Rangsit and his wife, Princess Wipawadi Rangsit, resided in the palace. At present Vitthayu Palace is the property of HSH Piyarangsit’s daughters, who have signed the heritage record stating that the ancient collectible objects will be kept in their original location to honor their ancestors and also that they should open a museum for visitors in the future. This palace remains the unique royal residence kept in perfect condition as the descendants of Rangsit family have consistently housed the antiques and interior furnishings. Although the Witthayu road of today became a crowded business area, the palace has been attentively well preserved. The need for new generations to percieve the historical heritage has been recognized; hence Vitthayu Palace remains a virtual treasure centre of Thai culture located in the heart of Bangkok.


บ้านชินประชา

อ่านเพิ่มเติม

บ้านชินประชา

  • ที่ตั้ง เลขที่ 98 ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
  • ผู้ครอบครอง คุณจรูญรัตน์ ตัณฑวณิช
  • ปีที่สร้าง พ.ศ.2446
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2552

ประวัติ

พระพิทักษ์ชินประชา (ตันม้าเสียง) เป็นบุตรคนที่ 7 ของหลวงบำรุงจีนประเทศ (ตันเหนี่ยวยี) ผู้ซึ่งอพยพมาจากเมืองจีนเพื่อเข้ามาดำเนินการกิจการทำเหมืองแร่ดีบุกบนเกาะภูเก็ต และทำกิจการการค้าหลายอย่างบนเกาะปีนัง เมื่อหลวงบำรุง จีนประเทศเสียชีวิต พระพิทักษ์ชินประชาจึงได้สืบทอดกิจการต่อจากบิดา โดยท่านได้เปลี่ยนเครื่องมือมาใช้เครื่องจักรแทนการใช้กำลังคนเป็นผลให้กิจการเหมืองแร่ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก จนได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาจากกรมโลหะกิจเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ และได้ถวายตัวเป็นข้าในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ต่อมาได้รับพระราชทานนามสกุล ตัณฑวณิช นอกจากนี้ ท่านยังได้บริจาคทรัพย์เพื่อสร้างอาคารให้แก่โรงเรียน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนและได้พระราชทานชื่อว่า โรงเรียนตัณฑวณิชวิทยาคม (ภายหลัง คือ โรงเรียนสตรีภูเก็ต) เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความจงรักภักดีของผู้บริจาคทรัพย์เพื่อสร้างอาคาร

พระพิทักษ์ชินประชา ได้สร้างบ้านชินประชาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2446 ช่วงปลายรัชกาลที่ 5 โดยจุดประสงค์เดิมเพื่อใช้เป็นเรือนหอของท่านเองแต่ท่านก็ไม่ได้ใช้ ต่อมาภายหลังได้ตกทอดเป็นของบุตรชาย คือ ขุนสถานพิทักษ์ หลังจากนั้นได้ตกทอดเป็นของบุตรชายขุนสถานพิทักษ์ คือ คุณประชา ตัณฑวนิช ปัจจุบันบ้านหลังนี้ครอบครองโดย คุณจรูญรัตน์ ตัณฑวนิช ภรรยาของคุณประชา ตัณฑวนิช หลังจากที่คุณประชา ตัณฑวนิช เสียชีวิต

ในปี พ.ศ. 2549 บ้านชินประชาเป็นบ้านก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นการผสมผสานระหว่างตะวันตกและจีน เดิมมีการยื่นมุข 2 ชั้น รูปครึ่งหกเหลี่ยมที่มุมด้านหน้าอาคาร ทั้ง 2 ข้าง ต่อมาได้พังทลายลง เจ้าของจึงปรับทางเข้าบ้านเป็นมุขหน้าจั่วชั้นเดียว ทางเข้าบ้านเป็นมุขหน้าจั่วชั้นเดียว ประตูทางเข้าเป็นประตูไม้ลงรักปิดทอง เหนือประตูทางเข้ามีแผ่นป้ายภาษาจีน บริเวณกลางบ้านเปิดโล่งเพื่อระบายอากาศ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านส่วนใหญ่เป็นแบบจีนซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ วัสดุที่ใช้ตกแต่งบ้านนั้นส่วนใหญ่จะนำเข้าจากต่างประเทศ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณประชา ตัณฑวนิช และภรรยา ได้อนุรักษ์ตัวบ้านไว้เป็นอย่างดี และเปิดบ้านให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรม การใช้ชีวิตของชาวภูเก็ตในสมัยเมื่อร้อยปีที่ผ่านมา รวมทั้งได้จัดแสดงของเก่าที่น่าสนใจมากมาย เช่น เครื่องเรือน เครื่องใช้โบราณ ภาพถ่าย และภาพวาด เป็นต้น นอกจากนั้น บ้านชินประชายังได้เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศหลายเรื่องด้วยกัน นับเป็นแบบอย่างของความพยายามและความตั้งใจที่จะรักษาสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วยตัวเจ้าของเองอย่างน่าชื่นชม

Chinpracha House

  • Location 98 Krabi Road, Tambon Talat Nua, Amphoe Mueang, Phuket Province
  • Proprietor Pracha Tanthawanit
  • Date of Construction 1903
  • Conservation Awarded 2009

History

Phra Bhitak Chinpracha (Tan Ma Siang) was the owner of tin mines business in Phuket which inherited from his Chinese immigrant father. Due to its enormously increased growth, he was appointed Mining Advisor for the Metal Department and then gave himself to King Rama VI as a courtier and received the surname Tanthawanit.

The Chinpracha House was built in 1903 by Praya Bhitak Chinpracha in the late period of King Rama V reign. The house is 2 storey brick masonry building with Chino – Portuguese style. The entrance door is decorated with lacquer and gilding and there is Chinese charactersin doorplate. The center of the house was carefully designed to be opened air in order to create maximum ventilation. Almost all of furniture areinherited from an ancestral Chinese style and most of the materials used for the home furnishing were imported from overseas.

Today, Pracha Tanthawanit, the descendent of Phra Bhitak Chinpracha and his wifepreserve this house very well and open it to the public as a source of cultural and social studies in Phuket in the past one hundred years. It also exhibits many interesting antique furnishings such as home appliances, ancient utensils, photographs, paintings, etc. In addition, this house used to be the location for a lot of both Thai and foreign films. It is considered as a superb example of cultural architecture preservation with great effort and earnest intention of the owner.


น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้