โรงภาพยนตร์สกาล่า
อ่านเพิ่มเติม
โรงภาพยนตร์สกาล่า
- ที่ตั้ง 184 ซอยสยามสแควร์ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
- สถาปนิก / ผู้ออกแบบ พันเอก จิระ ศิลปะกนก
- ผู้ครอบครอง บริษัท สยามมหรสพ จำกัด
- ปีที่สร้าง สร้างเสร็จ พ.ศ.2512
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2555
ประวัติ
โรงภาพยนตร์สกาลา ตั้งอยู่ที่สยามสแควร์ซึ่งเป็นที่ดินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเริ่มให้เอกชนเช่าเพื่อการพัฒนาพื้นที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 เป็นต้นมา คุณพิสิฐ ตันสัจจา ซึ่งเป็นผู้เริ่มธุรกิจเครือเอเพ็กซ์ ได้เริ่มสร้างโรงภาพยนตร์ในบริเวณนั้นโดยมีโรงภาพยนตร์สยาม โรงภาพยนตร์ลิโด และโรงภาพยนตร์สกาลา ซึ่งก่อสร้างต่อเนื่องกันเป็นลำดับ โดยบริษัท เซาท์ อีสเอเซีย ก่อสร้าง จำกัด รับผิดชอบการก่อสร้างโรงภาพยนตร์สกาลานั้นสร้างเสร็จและเปิดให้บริการกับผู้ชมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2512 ด้วยภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่องสองสิงห์ตะลุยศึก นำแสดงโดยจอห์น เวนย์ กับ ร็อค ฮัดสัน ต่อมาย่านสยามสแควร์ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งการค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับวัยรุ่น โรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์ก็เป็นตัวแทนของความบันเทิงในย่านนี้ ก่อนที่สื่ออย่างวิดิโอจะเข้ามาในเมืองไทย แม้ว่าต่อมาจะมีการสร้างโรงภาพยนตร์แบบต่างๆ ที่มีความทันสมัย แต่โรงภาพยนตร์สกาลาก็ยังคงรักษากลุ่มลูกค้าผู้ชมได้ไม่น้อย นอกจากโรงภาพยนตร์ที่อยู่ชั้นบนของตัวอาคาร เครือเอเพ็กซ์ก็ริเริ่มการใช้พื้นที่ชั้นล่างให้เป็นร้านค้าและร้านอาหารขนาดเล็กที่ตอบรับผู้ชมที่รอรอบภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์สกาลา มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมโรงภาพยนตร์ ในรูปแบบสมัยใหม่ช่วงหลัง (Late Modernist) ผสมกับ การประดับลวดลายแบบอาร์ตเดโค (Art Deco) ด้านหน้าอาคารยกพื้นขึ้นสูงเปิดเป็นทางเข้า โดยใช้ลักษณะของซุ้มโค้ง ภายในชั้นบนที่เป็นทางเข้าชมภาพยนตร์มีลักษณะเป็นโครงสร้างทรงโค้งมีเสารองรับตามจุดต่างๆ เพดานระหว่างเสาประดับเป็นรูปคล้ายเฟือง ขนาดใหญ่ ซึงกลายเป็นลักษณะเฉพาะของโรงภาพยนตร์นี้ โรงภาพยนตร์สกาลาและเครือเอเพ็กซ์ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของประเทศมาหลายรอบแล้วก็ยังคงอยู่ในสัญลักษณ์หนึ่งของสยามสแควร์ แม้จะผ่านเวลา 43 ปีมาแล้ว โรงภาพยนตร์สกาลายังคงความสวยงามในด้านสถาปัตยกรรม ยังคงเป็นที่กล่าวถึงมาจนทุกวันนี้
Scala Theater
- LLocation 184 Soi Siam Square 1, Khwaeng Pathumwan, Khet Pathumwan, Bangkok
- Architect / Designer Col. Jira Silapakanok
- Proprietor Siam Mahora Sop Com. Ltd.
- Date of Construction 1969
- Conservation Awarded 2012
History
The Scala Theatre is located in Siam Square of which the area is owned by Chulalongkorn University. The private company has rented this area for development since 1962. Mr. Pisit Tansacha started the Apex Group’s business and built theaters in Siam Square that are the Siam, the Lido and the Scala under the responsibility of the South East Asian Construction Co. Ltd. The Scala was completed and opened to the audiences for the first time on31 December 1969 with a foreign film. The Siam Square has become very popular, especially for teenagers. Although many modern theaters have been built, the Scala still maintains many audiences. The theater is located on the top floor of the building while the space of the ground floor is used for shops and restaurants.
It has an architectural style of a theater in late modernist with the decoration in the Art Deco design. The front of the building is a high platform to open a space through the arch entrance. For the upper floor, the entrance into the theater has a curve structure supported by columns. The ceiling is decorated like a big gear wheel pattern, which becomes the identity of this theater.
The Scala Theatre and the Apex Group have gone through many changes in the economic cycle but still remain as a symbol of the Siam Square. Besides, the theater has preserved its beautiful architecture throughout 43 years.










ตึกแถวหน้าพระลาน
อ่านเพิ่มเติม
ตึกแถวหน้าพระลาน
- ที่ตั้ง เลขที่ 2 – 30 ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
- สถาปนิก / ผู้ออกแบบไม่ปรากฏชื่อ
- ผู้ออกแบบอนุรักษ์ บริษัท กุฎาคาร จำกัด
- ผู้ครอบครองสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
- ปีที่สร้าง พ.ศ. 2452
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2555
ประวัติ
ตึกแถวหน้าพระลาน ตั้งอยู่บริเวณถนนหน้าพระลานตรงข้ามกับพระบรมมหาราชวัง สร้างขึ้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บริเวณพื้นที่วังท่าพระ ซึ่งเป็นวังที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ โดยวังท่าพระ จะมีอยู่ด้วยกันสามวัง ได้แก่ วังตะวันตก วังกลาง และวังตะวันออก ต่อมาถึงช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพื้นที่ใช้สอยภายในวังท่าพระ โดยมีการรื้อตำหนักแฝด และก่อสร้างตำหนักกลางกับตำหนักพรรณรายขึ้น และได้มีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งบริเวณริมถนนหน้าพระลานให้ก่อสร้างตึกแถวหน้าพระลาน โดยได้ให้มีการขยายถนนหน้าพระลาน ซึ่งต้องมีการร่นเขตวังท่าพระและวังถนนหน้าพระลาน จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้รื้อกำแพงวัง รวมทั้งโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างตึกแถวหน้าพระลานขึ้นเพื่อใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและใช้ในการพาณิชย์
ตึกแถวหน้าพระลาน เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนแบบผนังรับน้ำหนัก 2 ชั้น จำนวน 29 คูหา หลังคามุงกระเบื้องว่าว ผังพื้นอาคารมีลักษณะคล้ายตัวอี (E) ขนานไปกับแนวถนนหน้าพระลาน กว้าง 12.48 เมตร ยาว 90.70 เมตร ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบโคโลเนียล อิทธิพลคลาสสิค ภายนอกด้านหน้าอาคารของคูหากลางและคูหาปลายทั้ง 2 ด้าน มีกระบังหน้า (Pediment) ลายปูนปั้นรูปดอกบัวขนาบข้างด้วยแจกัน หัวเสาประดับลายเฟื่อง หน้าบันเป็นลักษณะโค้งกลมประดับลายปูนปั้น กรอบหน้าบันลดหลั่นลงสองข้างตั้งพุ่มหล่อทรงเพรียวเฉลียงชั้นสองประดับเสาระเบียงไอโอนิค (Ionic order) เสาชั้นล่างที่รองรับเฉลียงเป็นแบบระเบียบดอริค (Doric order) ซุ้มหน้าต่างบริเวณมุขกรุกระจกสีเป็นรูปรัศมีพระอาทิตย์ครึ่งวงกลม ส่วนหน้าบันของคูหาปลายทั้งสองด้านเป็นลวดลายชายผ้าและชายริบบิ้นขนาบข้างด้วยแจกันปูนปั้น ประตูหน้าต่างรูปโค้งมน ซุ้มหน้าต่างทรงโค้งกลมประดับไม้ฉลุลายประณีต ส่วนชั้นล่างเป็นบานเฟี้ยมอยู่ภายในกรอบวงโค้ง ส่วนบนมีช่องแสงโดยจะมีแผ่นเหล็กสั้นๆ กั้นเป็นระยะตลอดความกว้างของประตู ประตูเป็นแบบบานลูกฟักกระดานดุน ในส่วนของเสามีลักษณะเป็นเสาอิงหรือเสาประดับอาคารเป็นเสาเหลี่ยม มีรอยเซาะร่องตื้นๆ ตามแนวนอนของต้นเสา เสาลอยตัว เป็นเสากลมรับกับหน้าบันอาคาร มีรอยเซาะร่องตื้นตามแนวขวางปรากฏตรงชั้นล่างช่องปลายและช่วงกลางของตัวอาคาร
ระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2554 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เข้ามาบูรณะอาคารตามหลักวิชาการ ทำให้สามารถรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมเอาไว้ได้ พร้อมทั้งมีการให้ความรู้แก่ผู้เช่าเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้มีการก่อสร้างหรือต่อเติมที่ผิดรูปแบบไปจากสภาพปัจจุบัน
Na Phra Lan Row Building
- Location 2 – 30 Na Phra Lan Road, Khwaeng Phra Borom Maha Ratchawang, Khet Phra Nakhon, Bangkok
- Architect / Designer – Conservation Designer Kudakarn Co. Ltd.
- Proprietor The Crown Property Bureau
- Date of Construction 1909
- Conservation Awarded 2012
History
Na Phra Lan Row Building located on Na Phra Lan Road opposite the Grand Palace was built in the reign of King Rama V for welcoming visitors and trading. The building has 2 storey consisting of 29 units made of masonry brick of which the roof is covered with kite shaped concrete roof tiles. The E-shaped plan is 12.48 metres wide and 90.70 metres long. The architecture is in the western style. At the outer front of the middle unit and the 2 ending units have the pediment decorated with stucco in lotus design. The balcony of the upper floor is decorated with Ionic order poles while the poles of the ground floor supporting the balcony are in a style of Doric order. The windows of the porches are stained glass designed in a form of the sun radius in a semicircle.
The Crown Property Bureau had renovated the building from 2009-2011 in order to preserve the historic and architectural value of the building. Besides, the Bureau has provided knowledge to the lessees to prevent any different construction or addition of the building so that Na Phra Lan Row Building will maintain its original architectural style.










ดิอัษฎางค์
อ่านเพิ่มเติม
ดิอัษฎางค์
- ที่ตั้ง 94 – 94/1 ถนนอัษฎางค์ แขวงวังบูรพา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
- สถาปนิก / ผู้ออกแบบไม่ปรากฏชื่อ
- ผู้ออกแบบอนุรักษ์ ดิเรก – จิตรลดา เส็งหลวง
- ผู้ครอบครอง สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เช่าโดย ดิเรก – จิตรลดา เส็งหลวง
- ปีที่สร้าง ราวปี พ.ศ.2449 ปี
- ที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2555
ประวัติ
ดิอัษฎางค์ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แบ่งพื้นที่ทำเป็นตึกแถวเพื่อการพาณิชย์ ตามพระบรมราโชบายการพัฒนาบ้านเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และเพื่อตอบสนองการขยายตัว ทางเศรษฐกิจการค้าของประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อจะปรับปรุงบ้านเมืองให้สะอาดเรียบร้อย เป็นระเบียบสวยงาม โดยอาคาร เหล่าจะมีความสวยงามโดดเด่นเฉพาะตัว
ตัวอาคารตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนบริเวณปากซอยพรยาศรี ริมคลองคูเมือง มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบโคโลเนียลโครงสร้างอาคารเป็นการก่ออิฐถือปูน หลังคาจั่วมุงกระเบื้องตัวอาคารมี 2 ชั้น มีมุข 3 ด้าน มุขแต่ละด้านจะประดับ สัญลักษณ์ของเทพ Hermes หรือ Mercury สัญลักษณ์ของการค้าและการเจรจาต่อรอง ประดับลวดลายปูนปั้นเป็นช่อมะกอก นอกอาคารตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอย่างสวยงาม ปัจจุบันตัวอาคารได้ถูกเปลี่ยนจากอาคารพาณิชย์ในย่านการค้า มาเป็นบูติคโฮเตล ขนาด 7 ห้องภายใต้ชื่อ ดิอัษฎางค์
ผู้ครอบครองได้ทำการปรับปรุงอาคาร ได้ทำการปรับปรุงให้มีพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัวและกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมภายนอกและพยายามรักษารูปแบบดั้งเดิมของตัวอาคารไว้ให้มากที่สุด ทั้งโครงสร้างและวัสดุที่นำมาใช้ซ่อมแซม การตกแต่งภายในกลมกลืนกับภายนอกเป็นการผสมผสานกันระหว่างของเดิมกับการใช้งานในปัจจุบันซึ่งอยู่บนพื้นที่ประวัติศาสตร์ใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ได้อย่างลงตัว
The Atsadang
- Location 94-94/1 Atsadang Road, Khwaeng Wang Burapha, Khet Phra Nakhon, Bangkok
- Architect / Designer not find name Conservation
- Designer Direk & Chitlada Sengluang
- Proprietor The Crown Property Bureau Rented by Direk & Chitlada Sengluang
- Date of Construction 1906
- Conservation Awarded 2012
History
The Atsadang was constructed to serve as a commercial row building due to King Rama V’s royal policy to develop the city to be orderly arranged and prepare for economic expansion in the country. Hence the overall city in that period was well-organized and most buildings were attractive with outstanding characters.
Situated in the corner of Phonyasi Road, the Atsadang represents Colonial architecture whose structure was made of brick masonry and gable tiled roofs. The building is 2-storey having 3-side bays each of which was adorned by Hermes God, a symbol of commerce and negotiation. The exterior was also decorated with exquisite stucco all round. The Atsadang at present has been converted to a boutique hotel under the same name. The restoration was done by its current proprietor to improve the functionality, harmonize with surroundings and persist in the building’s original style. Therefore, all materials have been carefully selected and the decoration process was concerned about combining the recent hotel’s utility with its historical integrity of Rattanakosin period.








