บ้านเสานัก
อ่านเพิ่มเติม
บ้านเสานัก
- ที่ตั้ง เลขที่ 86 ถนนป่าไม้ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
- ผู้ครอบครอง ฌาดา ชิวารักษ์ และ พิมพ์จักร ชิวารักษ์
- ปีที่สร้าง พ.ศ. 2438
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2548
ประวัติ
บ้านเสานัก สร้างขึ้นโดยหม่อมจันโอง ต้นตระกูลจันทรวิโรจน์ ต่อมาบ้านเสานักตกทอดมาถึงคุณหญิงวลัย ลีลานุชอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนลำปางกัลยาณี ซึ่งเป็นหลานตาของหม่องจันโอง ท่านได้ทำการซ่อมแซมปรับปรุงบ้านเสานัก โดยพยายามอนุรักษ์รูปแบบเดิมไว้มากที่สุด ภายหลังจากที่คุณหญิงวลัยถึงแก่อนิจกรรม ในปี พ.ศ.2535 บ้านเสานักจึงไม่มีผู้อาศัยอยู่ ต่อมาคุณฌาดา ชิวารักษ์ ได้สืบทอดเจตนารมณ์โดยดูแลรักษาบ้าน ปัจจุบัน ได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดลำปาง และใช้เป็นสถานที่จัดขันโตกและงานพิธีมงคล
บ้านเสานัก เคยเป็นที่ประทับเสวยพระกระยาหารกลางวันและพักผ่อนพระอิริยาบถของพระบรมวงศานุวงศ์ ชื่อ บ้านเสานัก ได้รับการขนานนามโดย หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เนื่องจากเป็นบ้านไม้ที่มีเสาไม้สักมากถึง 116 ต้น (ตามภาษาพื้นเมืองนัก มีความหมายว่า มาก) นอกจากนี้ท่านยังได้เผยแพร่คุณค่าของบ้านหลังนี้ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายอีกด้วย บ้านเสานักได้รับพระมหากรุณาธิคุณซึ่งนับเป็นเกียรติอย่างสูงสุด 2 ครั้ง คือ วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2520 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จมาประทับเสวยพระกระยาหารกลางวัน และประทับพักผ่อนพระอิริยาบถ เมื่อครั้งเสด็จประพาสจังหวัดลำปาง และวันที่ 12 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2522 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมาประทับเสวยพระกระยาหารกลางวัน และประทับพักผ่อนพระอิริยาบถในโอกาสที่เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอาคารสรรพประสงค์สุดา โรงเรียนลำปางกัลยาณี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บ้านเสานัก ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี สามารถรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมไว้ได้ เป็นตัวอย่างของเรือนหมู่ขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างศิลปะพม่ากับล้านนาโดยหลังคาและโครงสร้างบ้านเป็นแบบล้านนา ส่วนระเบียงรอบบ้านเป็นพม่า นอกจากนี้ยังมีการรักษาต้นสารภีอายุร้อยกว่าปีและยุ้งข้าวโบราณที่มีเสารองรับ 24 ต้น บริเวณหน้าเรือนอีกด้วย




บ้านสินานนท์
อ่านเพิ่มเติม
บ้านสินานนท์
- ที่ตั้ง เลขที่ 1520 ถนนไปรษณีย์ ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
- สถาปนิก / ผู้ออกแบบ สร้างโดยช่างชาวจีนกวางตุ้ง ชื่อ ซุย หลีซัง
- ผู้ออกแบบอนุรักษ์ คุณกิติศักดิ์ เฮงษฎีกุล
- ผู้ครอบครองตระกูลสินานนท์
- ปีที่สร้าง พ.ศ. 2462
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2548
ประวัติ
บ้านสินานนท์เป็นบ้านของนายกิมเฉียน แซ่อึ้ง คหบดีชาวจีนที่ก่อร่างสร้างตัวมาจากกิจการห้างกิมฮงและโรงงานทำน้ำมะเน็ด โดยได้ทำคุณงามความดีให้บ้านเมืองหลายประการ อาทิ ได้มีส่วนร่วมในการปราบเงี้ยว บริจาคทรัพย์เพื่อสาธารณประโยชน์ และสร้างวัดเกาะวาลุการาม จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหลวงกำจรวานิช ต้นตระกูลสินานนท์ โดยในปีพ.ศ. 2462 หลวงกำจรวานิชให้ช่างชาวจีนกวางตุ้ง ชื่อ ซุย หลีซัง สร้างบ้านหลังนี้ด้วยเงิน 14,000 บาท อาคารหลังนี้ถือเป็นอาคารหลังแรกในลำปางที่ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก บ่งบอกว่าอาคารหลังนี้สร้างขึ้นในยุคที่ทางรถไปได้ตัดมาถึงลำปางแล้ว เพราะวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ เหล็กเส้น และซีเมนต์เป็นของที่ต้องสั่งซื้อมาจากกรุงเทพมหานคร และขนส่งมาโดยทางรถไฟ
บ้านสินานนท์เป็นอาคาร 2 ชั้น โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาเป็นหลังคาจั่วปลายตัด ลักษณะเด่น คือ การวางผังพื้นอาคารแบบสมมาตร มีมุขกลาง ส่วนประดับตกแต่งเป็นซีเมนต์หล่อ อาทิ ลูกกรงระเบียง กันสาด ทวย ซึ่งใช้ประดับภายนอกอาคาร ภายในอาคารใช้ไม้เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ ประกอบด้วยกระจกสี เช่น บานประตู ช่องระบายอากาศ ราวบันได ลักษณะการตกแต่งและองค์ประกอบสถาปัตยกรรม ได้รับอิทธิพลศิลปะอาร์ตเดโค (Art Deco)
บ้านสินานนท์ได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยคุณกิติศักดิ์ เฮงษฎีกุล การบูรณะส่วนที่สำคัญ ได้แก่
การซ่อมแซมหลังคา และซ่อมแซมลวดลายปูนปั้นที่หลุดร่วงให้เต็มตามสภาพเดิม นอกจากนี้ยังได้ทาสีใหม่ โดยใช้สีเดิมไปเทียบสีที่บริษัทสีโจตัน เพื่อให้ได้สีที่ใกล้เคียงกับสีเดิมมากที่สุด ทำให้การอนุรักษ์บ้านสินานนท์ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถคืนคุณค่าความเป็นของแท้ดั้งเดิมของอาคารประวัติศาสตร์หลังนี้ได้อย่างน่าชื่นชม
Ban Sinanon (Sinanon House)
- Location 1520 Praisani Road, Tambon Suandok, Amphoe Mueang, Lampang Province
- Architect / Designer Sui Lisang Conservation
- Designer Kitisak Hengsadikun
- Proprietor Sinanon Family
- Date of Construction 1919
- Conservation Awarded 2005
History
Sinanon House was owned by Mr.Kimchian Sae-Ueng, a wealthy Chinese known for his successful businesses Kim Hong store and soft drink factory. Due to his commendable contributions to Lampang such as subduing Shan rebellions, donating for public benefits and building Wat Ko Walukaram, Mr. Kimchian was titled “Luang Kamchonwanit”
Luang Kamchonwanit had Sinanon House built by Mr.Sui Lisang in 1919 at the cost of 14,000 Thai bahts. It was the first ferro concrete house built in Lampang, indicating the construction period to be after Lampang was accessible by railroad since steel rods and cement had to be ordered from Bangkok and transported to Lampangby train.
The house has two storeys, ferro concrete structure, hipped gable roof and distinguished symmetrical plan accentuated by central portico. External decorative elements were made of cast cement at the balustrades, awnings and cobels while interior elements such as doors, ventilators and stair railings are wooden combining with stained glass. All decorations and architectural elements were mainly influenced by Art Deco style.
Ban Sinanon was restored in 1995 by Mr.Kitisak Hengsadikun. Significant mendings were at the roof and cement mouldings, which had to be replaced by elements of the same designs. In addition, the house was repainted by taking samples of original color to find the perfect match at Jotan company. These attempts have made conservation of Ban Sinanon successful, thus the values of this historic house have been revived appreciably.





บ้านครูมนตรีตราโมท
อ่านเพิ่มเติม
บ้านครูมนตรีตราโมท
- ที่ตั้ง81 หมู่ 11 ซอยพิชยนันท์ 2 (โสมส่องแสง) ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
- ผู้ครอบครอง ครอบครัวตราโมท
- ปีที่อนุรักษ์ พ.ศ. 2505
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2548
ประวัติ
ครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติและศิลปินอาเซียนเป็นปูชนียบุคคลด้านดนตรีไทย ท่านเกิดใน พ.ศ. 2443 สมัยรัชกาลที่ 5 และได้สร้างผลงานต่อเนื่องมาเป็นเวลาถึง 84 ปี ท่านได้รับการกล่าวขวัญในฐานะศิลปิน 5 แผ่นดิน ผู้เป็นที่ยอมรับในฝีมือจนได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาดนตรีไทย เป็นที่เคารพรักนับถือของทุกคนที่ได้รู้จัก และมีลูกศิษย์ลูกหามากมายแต่ในความมีชื่อเสียงและการทำงานหนักของท่าน ชีวิตส่วนตัวของท่านกลับเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่งดังจะเห็นได้จากบ้านโสมส่องแสงซึ่งเป็นบ้านหลังแรกของท่านซึ่งซื้อเมื่อเกษียณอายุราชการ ในปี พ.ศ. 2505 ช่วงนั้นท่านพำนักอยู่กับพระยาอุดมราชภักดีและคุณหญิงเชิด ท่านได้พิจารณาเห็นว่า เจ้าคุณและคุณหญิงได้ให้ความอุปการะมาเนิ่นนานกว่า 17 ปี ถึงเวลาที่ท่านควรจะหาบ้านเป็นของตนเอง ท่านจึงได้ใช้เงินบำเหน็จจากราชการมาซื้อบ้านไม้หลังหนึ่งจากเจ้าของเดิม คือ นายช่วง เอี่ยมภิรมย์ ตั้งอยู่ที่ตำบลตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านรวมทั้งปรับปรุงเป็นเงิน 160,925.35 บาท ซึ่งครูมนตรีได้บันทึกรายจ่ายต่างๆ ไว้อย่างละเอียด เมื่อซ่อมแซมจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2506 และครูมนตรีได้ย้ายเข้าอยู่ในปีนั้น ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2510 คุณตาล พิชยนันท์ คหบดีจัดสรรที่ดินซอยพิชยนันท์ ซึ่งชื่นชมผลงานของครูมนตรีมาเนิ่นนาน ได้ตัดถนนจากที่ดินจัดสรรของท่านเพื่อเปิดทางให้ครูมนตรีใช้เดินทางออกสู่ถนนซอยพิชยนันท์ และท่านได้ขอให้ครูมนตรีตั้งชื่อซอยย่อยในที่ดินจัดสรรจำนวน 23 ซอย ซึ่งครูมนตรีได้ตั้งชื่อให้เป็นชื่อเพลงไทยทั้งหมด ส่วนซอยที่ตั้งของบ้านท่านเอง ท่านได้ตั้งชื่อว่า ซอยโสมส่องแสง บ้านหลังนี้จึงเรียกขานกันว่า บ้านโสมส่องแสง
ลักษณะของบ้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ยกใต้ถุนสูง หลังคาจั่วแบน มีกันสาดยื่นด้านจั่ว ชั้นบน มี 3 ห้องนอน 1 ห้องโถง ชั้นล่างมีครัวและห้องน้ำ ลักษณะสถาปัตยกรรมไทยพื้นถิ่นที่ได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ สภาพแวดล้อมมีบ่อน้ำล้อมรอบบ้าน ในบริเวณบ้านมีต้นมะพร้าว มะนาว และพืชสวนอื่นๆ ปลูกอยู่โดยรอบ
ครูมนตรี ตราโมท ได้ใช้บ้านนี้เป็นที่ทำงานหลังเกษียณอายุมาโดยตลอด ต่อมาได้มีการต่อเติมปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับการใช้สอย และลูกๆ ของท่าน ได้ทำการปลูกบ้านเพิ่มเติมในบริเวณเดียวกัน หลังจากครูมนตรี ตราโมท ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2538 ทายาทได้ดำริที่จะอนุรักษ์บ้านของท่านและจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงข้าวของเครื่องใช้ของครูมนตรีในบรรยากาศเหมือนสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ สิ่งสำคัญ ได้แก่ ต้นฉบับงานประพันธ์เพลง เครื่องดนตรี เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และมีคำบรรยายเรื่องราวประวัติชีวิตของท่านในช่วงต่างๆ ในวาระครบรอบ 100 ปี ครูมนตรี ตราโมท ศิลปิน 5 แผ่นดิน วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2543 ทายาทและศิษย์ของครูมนตรี ตราโมทได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินเปิดบ้านและทอดพระเนตรการแสดง ซึ่งได้เสด็จพระราชดำเนิน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2543
Khru Montri Tramot’s House (Som Song Saeng House)
- Location 81 Mu 11 Soi Phitchayanan 2 (Som Song Saeng), Tambon Talat Khwan, Amphoe Mueang, Nonthaburi Province
- Proprietor Tramot family
- Date of Conservation Bought and renovated in 1962
- Conservation Awarded 2005
History
Khru Montri Tramot (Master Montri Tramot), National and ASEAN Artist, was a well-respected individual who contributed greatly to the circle of Thai traditional music. He was born in 1900 during the reign of King Rama V , had lived and worked for 84 years up to the present reign. He was hence also known as “5-Reign Artist”. His works were highly complimented and was honored as a National Artist in Thai Music. Beyond his fame and glory, he was a respected artist and loved by friends and his social circle, having taught a great number of students.
Despite his high profile, he led a simple life, as reflected by his house “Som Song Saeng”, the first residence that he bought upon retirement ,having lived with his noble supporters family throughout his working life. In 1962, when Khru Montri retired from the official post, he had been living with Phraya Udomratchaphakdi and Khunying Choed. Having lived with the Udomratchaphakdi family for over 17 years, he decided to find a house of his own and used his pension to buy a house from Mr. Chuang Iamphirom. The house was 2-storey, gable roof, situated in Tambon Talat Khwan, Nonthaburi province. The cost of the house including renovation was 160,925.35 THB, for which the detailed account was recorded by the master.
The house is a 2-storey structure with a raised floor, low-pitched gable roof with extended shading on the gable side. The upper floor has 3 bedrooms and 1 living room, the ground floor is comprised of a kitchen and bathroom. The architecture is defined as local Thai style influenced by modern architecture. The house is surrounded by a pond and orchard with fruits such as coconuts, limes, and many others. Khru Montri bought the house, finished repair and renovation in 1963, then moved that same year.
Circa 1967, Mr. Tan Phitchayanan, a land developer in Soi Phitchayanan who had long admired the works of Khru Montri, had a road built from his property to allow an access from Khru Montri’s house to Soi Phitchayanan. He also asked Khru Montri to name the 23 sois (alleys) in his development project, for which the master gave the namesfollowing the names of traditional Thai songs. As for the soi where his own house was located, it was named “Som Song Saeng”. Since then, the master’s house has been called “Ban Som Song Saeng”.
Khru Montri spent his life and work after retirement in this house, which has been further renovated and extended to serve more requirements. More houses were built in the area for his children and, after the master passed away in 1995, his heir decided to conserve the house .It was renovated as a museum to exhibit his life and works with an atmosphere resembling the time when the master was still living there. Some of the master’s important belongings are i.e. music manuscripts, musical instruments, royal decorations, etc. which are accompanied with descriptions on the master’s biography. On the occasion of Khru Montri Tramot 100th Anniversary on 17th June 2000, his heirs and students had invited H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn to preside over the opening ceremony of the museum on 9th June 2000 and to attend the performances.





