พ.ศ. 2553

บ้านพระพิไสยสรรพกิจ

อ่านเพิ่มเติม

บ้านพระพิไสยสรรพกิจ

  • ที่ตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
  • สถาปนิก / ผู้ออกแบบ ไม่ปรากฏชื่อ
  • ผู้ออกแบบอนุรักษ์ W.H.Associates Ltd.,Part. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฐิติวุฒิ ชัยสวัสดิ์อารี ดร.ยุวรัตน์ เหมะศิลปิน ธเนศเกื้อพงษ์ไทย และ สิริศักดิ์ ภิญโญมหากุล
  • ผู้ครอบครอง สมนึก และ กรรณิการ์ ตัณฑวณิช ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล
  • ปีที่สร้าง พ.ศ. 2453
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2553

ประวัติ

พระพิไสยสรรพกิจ (ตันม้าส่าย) เป็นบุตรของหลวงบำรุงจีนประเทศ และเป็นพี่ชายพระพิทักษ์ชินประชา (ตันม้าเสียง)ท่านได้สร้างบ้านพักอาศัยก่ออิฐฉาบปูน 2 ชั้น รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างตะวันตกและจีนขึ้นมาในปี พ.ศ. 2453 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กิจการทำเหมืองแร่ดีบุกบนเกาะภูเก็ตเจริญรุ่งเรือง หลังจากพระพิไสยสรรพกิจเสียชีวิตลง บ้านหลังนี้ได้ตกทอดเป็นของลูกหลาน ปัจจุบันครอบครองโดยคุณสมนึก –คุณกรรณิการ์ ตัณฑวิณิช ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 มีการบูรณะอาคารซึ่งทำโดยช่างท้องถิ่น มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้เรียบง่ายเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา เช่น เปลี่ยนประตูและหน้าต่างเป็นบานไม้แบบเรียบ เปลี่ยนวัสดุมุงหลังคาเป็นกระเบื้องลอน และเปลี่ยนผนังภายในเป็นผนังไม้อัด และมีการต่อเติมอาคารด้านหลังโดยไม่ได้คำนึงถึงเอกลักษณ์เดิม

ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 มีการบูรณะครั้งที่ 2 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้อาคารกลับไปเป็นแบบดั้งเดิมตั้งแต่เริ่มสร้าง โดยอาศัยภาพถ่ายของบ้านในยุคแรกเป็นต้นแบบในการบูรณะ อีกทั้งเจ้าของบ้านต้องการให้บ้านกลับมาเป็นศูนย์รวมของครอบครัวอย่างเดิม โดยเน้นให้มีการเก็บบรรยากาศแบบเดิมเอาไว้ทั้งหมด โดยเฉพาะการใช้สอย การจัดวางเครื่องเรือนเดิม การประดับตกแต่งภายใน ขณะเดียวกันก็ต้องมีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย นอกจากนี้ยังมีการต่อเติม ส่วนห้องน้ำชั้นบนเพื่อความสะดวกสบายในการพักอาศัย โดยต่อเติมทางด้านหลังเหนือส่วนบริการที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งส่วนต่อเติมนี้ไม่ได้เชื่อมต่อโครงสร้างกับอาคารเก่าเพื่อป้องกันการทรุดตัวไม่เท่ากันในอนาคต มีการเพิ่มเติมงานระบบวิศวกรรมต่างๆ เข้าไปในอาคาร เช่น การเดินระบบไฟฟ้าและแสงสว่างใหม่ทั้งหมด และการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเดินระบบโชว์แนวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อความสะดวกในการบำรุงรักษา

บ้านพระพิไสยสรรพกิจมีพื้นที่ใช้สอยชั้นล่างประกอบด้วยมุขทางเข้าด้านหน้า โถงรับแขก บันไดหลักและบันไดรอง ห้องทำงานและห้องนั่งเล่น ห้องนอน 2 ห้อง ห้องอาหาร ห้องครัว และห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ใช้สอยชั้นบนเหมือนกับชั้นล่าง ยกเว้นไม่มีห้องครัวและห้องอาหาร พื้นชั้นล่างเป็นพื้นซีเมนต์ปูกระเบื้องซีเมนต์ลายโบราณพื้นชั้นบนเป็นพื้นไม้ ผนังห้องภายในกั้นด้วยผนังไม้บังใบแนวตั้ง ตอนบนของผนังเว้นเป็นไม้ระแนงเพื่อระบายอากาศ ประตูหน้าต่างเป็นแบบบานเปิดคู่ทั้งหมด หลังคาอาคารเป็นหลังคาปั้นหยา ส่วนหลังคามุขด้านหน้าเป็นหลังคาจั่ว ทั้งหมดมุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์ นับได้ว่า บ้านพระพิไสยสรรพกิจเป็นแบบอย่างของความพยายามและความตั้งใจที่จะรักษาสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วยตัวเจ้าของเองอย่างน่าชื่นชม เช่นเดียวกับบ้านของพระพิทักษ์ชินประชา

Phra Pisai Sappakit House

  • Location Muang District, Phuket
  • Architect / Designer not find name
  • Conservation Designer W.H. Associates Ltd., Part. Asst. Prof. Thitiwut Chaisawad-Aree Prof. Yuwarat Hemasinlapin Thanate Keurpongthai Sirisak Phinyomahakul
  • Proprietor Somnuk and Kannika Tanthawanit, 3rd generation descendents
  • Date of Construction 1910
  • Conservation Awarded 2010

History

Phra Pisai Sappakit (Tan Ma Sai), older brother of Phra Bhitak Chinpracha (Tan Ma Siang), built his 2 storey Chino-Portuguese house with brick masonry in 1910. In 1947, the house was renovated by local craftsmen to be for simple structure and easy maintenance suchas plain wooden door and windows, carved roofing, interior plywood wall and added back hall with no consideration of old characteristic reservation . The second renovation was in 2008 with the objective of rendering the building into its original style, by using pictures of the house from the first period as reference. Moreover, the owner wished to create the house to be the family center like in the old days and emphasize old ambiance reservation, especially the use of space, old furniture setting, interior decoration, by not omitting the comfort of everyday lifestyle. The new building was not connected to the old structure to prevent subsidence and the new engineer systems as electricity, light and air conditioner were installed.

The lower level of Phra Pisai Sappakit House comprises of the front entrance, hall, main and auxiliary staircases, workroom, living room, 2 bed rooms, dining room, kitchen and toilet. The upper floor has the same applicable spaces but without kitchen and dining room. The ground floor is made from ancient design tile cement while the upper level is wooden. The interior walls are divided by vertical jointed wood which their upper parts have wide laths for better ventilation. All windows and doors are opened in pair. The cement tile roof of the house is hipped style but its front entrance is gabled.

Same as Phra Bhitak Chinpracha House, this house is considered as an eminent example of great effort and strong intention in cultural architecture preservation by the owner.


บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

อ่านเพิ่มเติม

บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

  • ที่ตั้ง ถนนธนาลัย ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
  • ผู้ครอบครอง จังหวัดเชียงราย
  • ปีที่สร้าง พ.ศ. 2478
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2553

ประวัติ

บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2478 สมัยพระยาราชเดชดำรง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และยังคงใช้เป็นบ้านพักมาจนถึงทุกวันนี้

อาคารเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวขนาดใหญ่ ยกพื้นใต้ถุนสูง มีระเบียงและบันไดทางขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หลังคาเป็นทรงปั้นหยา พื้นที่ใช้สอยภายในอาคารแบ่งออกเป็นสัดส่วนชัดเจน ผนังภายนอกเป็นผนังไม้ตีซ้อนเกล็ดแนวนอน ฝ้าเพดานภายในเป็นไม้

ปัจจุบัน อาคารอยู่ในสภาพทรุดโทรม และมีการต่อเติมดัดแปลงทั้งภายในและภายนอก เช่น หลังคา บันไดขึ้นสู่ตัวบ้าน และการก่ออิฐกั้นใต้ถุนอาคาร เป็นต้น จนทำให้คุณค่าทางสถาปัตยกรรมด้อยลง

Chiang Rai Governor’s Residence

  • Location Thanalai Road, Tambon Wiang, Amphoe Mueang, Chiang Rai Province
  • Proprietor Chiang Rai Province
  • Date of Construction 1935
  • Conservation Awarded 2010

History

The Chiang Rai governor’s residence was built in 1935 during the period of Phraya Dejdamrong who was the governor of the Chiang Rai province. The residence is a traditional Thai house. The residence has single storey witha raised floor. It is composed of twin buildings connected with roofed balconies. The balconies project out of the building from both the front and back. The buildings have hip roofs which have been installed with air-vents that noticeably jut out. Its ceilings are made of quality wood. More recently the building has been modified and repaired due to its poor condition. Work has been carried out on the roof, the main stairs into the residence, brick-laying at the base of the building, including internal and external sections. The modification has left almost no trace of its original architecture.


บ้านพิสิษฐ์กุล

อ่านเพิ่มเติม

บ้านพิสิษฐ์กุล

  • ที่ตั้ง เลขที่ 459 ถนนปราสาท อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา
  • ผู้ครอบครอง พิศมัย พิสิษฐ์กุล
  • ปีที่สร้าง ประมาณปี พ.ศ. 2465
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2553

ประวัติ

บ้านพิสิฐกุลเป็นบ้านพักของหลวงพิสิษฐ์กัยกร คหบดีเมืองพะเยาซึ่งมาจากเมืองจีน เข้ามาประกอบกิจการโรงเหล้าในบริเวณกว๊านพะเยา การก่อสร้างบ้านนั้นเริ่มจากการเก็บไม้สักก่อนการก่อสร้าง 3 ปี เลื่อยไม้ด้วยแรงคน และนำไม้ตากแห้งให้สนิท แล้วจึงเริ่มก่อสร้างบ้าน โดยมีช่างออกแบบและก่อสร้างเป็นคนจีนมาจากมณฑลเชียงไฮ้ ประเทศจีน

บ้านพิสิษฐ์กุลเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้หลังแรกของจังหวัดพะเยา ชั้นล่างเป็นอาคารปูนคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นบนเป็นไม้สักทอง หลังคาเป็นหลังคาปั้นหยาผสม หลังคาจั่วมุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์รูปว่าว ผังพื้นอาคารเป็นรูปตัวแอล (L) มีมุขยื่นออกมาด้านหน้าตรงกลางอาคารด้านหน้ามีมุขบันไดขึ้นสู่ตัวบ้านชั้น 2 และมีหลังคาคลุม พื้นที่ใช้สอยชั้นล่างประกอบด้วยห้องรับแขก ห้องนอน ห้องครัวและห้องน้ำส่วนชั้นบนแบ่งเป็นห้องนอน 5 ห้อง และมีโถงกลางบ้าน

ในปี พ.ศ. 2544 บ้านพิสิษฐ์กุล ได้รับการบูรณะปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนวัสดุมุงหลังคาและทาสีบ้านใหม่ทั้งหลัง ทำให้บ้านหลังนี้ยังคงรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และสภาพดั้งเดิมของบ้านไว้ได้เป็นอย่างดี

The Phisitkun House

  • Location 459, Prasat Road, Amphoe Mueang, Phayao Province
  • Proprietor Phissamai Phisitkun
  • Date of Construction Around 1922
  • Conservation Awarded 2010

History

The Phisitkun House was formerly the residence of Luang Phisit Kaiyakorn, a wealthy person who migrated from China to the Phayao province. He operated a tavern in the area of Kwan Phayao. The initial process of construction of this house commenced with the collection of teak wood kept for three years prior to construction. It was sawed down and allowed to completely dry out before the building process could begin. The house was designed by a Chinese man from Shanghai, China.

The Phisitkun House is a half wooden building. The base floor of the house is made of ferro-concrete while the upper floor is made of gold teak. The house is L- shaped with a front porch with steps installed on one side to connect with the second floor. Inside the house, the downstairs area is divided into a guest room, a bedroom, a kitchen room and a bathroom. The upstairs is composed of five bedrooms and a central hall. As the condition of the deteriorated, the owner had it renovated in 2001 by changing the entire roof and repainting the entire property.


บ้านสุทธภักติ

อ่านเพิ่มเติม

บ้านสุทธภักติ

  • ที่ตั้ง เลขที่ 37 ถนนปราสาท อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา
  • สถาปนิก / ผู้ออกแบบ หลวงศรีนครานุกูล (เจียม สุทธภักติ)
  • ผู้ครอบครอง วันเพ็ญ สุทธภักติ
  • ปีที่สร้าง สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2489
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2553

ประวัติ

หลวงศรีนครานุกูล เป็นคหบดีที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของจังหวัดพะเยา ได้รับพระราชทานนามสกุลจากสมเด็จพระนางเจ้า อินทรศักดิ์ศจี ในล้นเกล้าล้นกระหม่อมรัชกาลที่ 6 ว่า สุทธภักติ ท่านได้สร้างบ้านพักอาศัยของครอบครัวขึ้นในปี พ.ศ. 2489 ซึ่งท่านได้เขียนแบบและควบคุมการก่อสร้างด้วยตนเอง โดยใช้ช่างก่อสร้างในจังหวัดพะเยาทั้งหมด ต่อมาหลวงศรีนครานุกูลได้มาตั้งโรงงานสุราสัมปทานบริเวณริมกว๊านพะเยาและได้สร้างบ้านพักรับรองขึ้น โดยบ้านหลังนี้ได้มีโอกาสต้อนรับบุคคลสำคัญๆ ที่มาพักอาศัยในระหว่างการเดินทางของราชการเช่น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เจ้าพระยาพหลพลพยุหเสนา และพ.อ.หลวงชำนาญยุทธศาสตร์ (จอมพลผิน ชุณหะวัณ) เป็นต้น สำหรับบ้านพักอาศัยของหลวงศรีนครานุกูล เรียกว่าบ้านบน หรือบ้านสุทธภักติ ส่วนบ้านพักรับรองริมกว๊านพะเยาเรียกว่าบ้านล่าง

บ้านสุทธภักติเป็นอาคารไม้สัก 2 ชั้น มีมุขยื่นออกมาด้านหน้า หน้าต่างเป็นแบบบานเกล็ดเปิดคู่ เหนือช่องหน้าต่างเจาะเพื่อประดับกระจกอย่างตะวันตก บริเวณคอสองฉลุไม้เพื่อระบายอากาศ หลังคาเป็นทรงปั้นหยามุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์รูปว่าวพื้นบ้าน ฝาผนังและเพดานประกอบแบบเข้าลิ้นทั้งหมด ชั้นล่างของบ้านแบ่งเป็นห้องมุขหน้า ห้องรับแขก ห้องหนังสือ ห้องครัวและห้องน้ำ ส่วนชั้นบนเป็นห้องโถง ห้องนอน และห้องเก็บของส่วนหลังของบ้านมีบ้านอีกหลังเป็นอาคารชั้นเดียวเชื่อมต่อกันด้วยลานบ้าน เพื่อใช้เป็นห้องเก็บของ และห้องนั่งเล่น

ในปี พ.ศ. 2550 บ้านสุทธภักติ ได้รับการบูรณะปรับปรุงครั้งใหญ่ และสามารถรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และสภาพดั้งเดิมของบ้านไว้ได้อย่างน่าชื่นชม

Sutthapakti House

  • Location 37 Prasat Road, Amphoe Mueang, Phayao Province
  • Architect / Designer Luang Srinakaranukul (Jiam Sutthapakti)
  • Proprietor Wanpen Sutthapakti
  • Date of Construction Completed in 1946
  • Conservation Awarded 2010

History

Luang Srinakaranukul was a famous and wealthy figure in Phayao province. His last name “Sutthapakti” was granted by Her Majesty Queen Indrasakdi Sachi during the reign of King Rama VI. Luang Srinakaranukul later established his liquor factory, Sura Sampatan, around Kwan Phayao and had two residences constructed around the area; one was for travelling guests located on Chao Kwan Road known as “Ban Lang” (currently abandoned), and another was his own house called “Ban Bon” or “Ban Sutthapakti” Sutthapakti House was structured and designed by Luang Srinakaranukul. The entire residence is made of teak wood. The construction of the Panya (Hipped roof) style two storey residences was completed in 1946. It has a porch in front and its windows are dual louver blades. Over the windows are pierced decorative mirrors similar to western styles. The top of the wooden posts around the house are carved for ventilation. The house has a hip roof which was originally tiled with “Pankled” (traditional roofing) before being changed to kite shaped concrete roof tiles when the house was renovated in 2007. The floor, wall and ceilings are all wooden boards joined together. The ground floor has a front entrance, guest room, library, kitchen and a bathroom. The top floor enters into a hall,a bedroom and a storage room. The back of the house has another house that is connected by a patio. This house was used as a storage room and a living room.


บ้านเลขที่ 53 ถนนท่ากว๊าน

อ่านเพิ่มเติม

บ้านเลขที่ 53 ถนนท่ากว๊าน

  • ที่ตั้ง เลขที่ 53 ถนนท่ากว๊าน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา
  • ผู้ครอบครอง จันทรศรี พิสิษฐ์กุล
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2553

ประวัติ

บ้านเลขที่ 53 ถนนท่ากว๊าน สร้างโดยหลวงพิสิษฐ์กัยกร คหบดีเมืองพะเยาซึ่งมาจากเมืองจีน มาประกอบกิจการโรงเหล้า ในบริเวณกว๊านพะเยาเป็นผู้สร้างบ้านเพื่อเป็นบ้านพักอาศัย ในอดีตเคยใช้เป็นหน่วยมาลาเรีย เป็นเวลา 4 – 5 ปี จากนั้นเคยให้ฝรั่งเช่าระหว่างที่ก่อสร้างถนนระหว่างลำปางสู่เชียงราย และเปิดกิจการเป็นโรงแรมชื่อชายกว๊าน ปัจจุบัน เป็นบ้านพักอาศัยของคุณยายจันทรศรี พิสิษฐ์กุล ผู้เป็นเหลนสะใภ้ของหลวงพิสิษฐ์กัยกร

บ้านเลขที่ 53 ถนนท่ากว๊าน เป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนชั้นบนเป็นไม้ หลังคาปั้นหยาผสมหลังคาจั่วมุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์รูปว่าว ทางเข้าด้านหน้าอาคารเป็นระเบียงทั้งชั้นล่างและชั้นบน หน้าต่างชั้นล่างเป็นบานเปิดคู่ลูกฟักไม้ หน้าต่างชั้นบนเป็นบานเปิดคู่เกล็ดไม้ ประตูเป็นบานเปิดคู่ลูกฟักไม้ เหนือประตูและหน้าต่างเป็นช่องแสง ภายในบ้านยังคงรักษาเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านดั้งเดิมไว้

บ้านเลขที่ 53 ถนนท่ากว๊าน ถือเป็นตัวอย่างของอาคารที่สร้างโดยคหบดีชาวจีนที่หลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่หลังในเมืองพะเยา ถือเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมที่ควรได้รับการอนุรักษ์สืบต่อไป

Chiang Mai British Consulate (former)

  • Location 53 Tha Kwan Road, Amphoe Mueang, Phayao Province
  • Proprietor Chantarasri Phisitkul
  • Conservation Awarded 2010

History

House No. 53 at Tha Kwan was constructed by Luang Phisit Kaiyakorn, a wealthy person who migrated from China and operated his business in a tavern in Kwan Phayao. The house was built as his permanent residence. The building has 2-storey, the upstairs is made of wood and the downstairs is made of ferro concrete. Its windows are dual louver blades and with decorative mirrors similar to western styles.

In the past this place had been used as a Malaria Department for about 4-5 years. Sometime later, foreigners rented this place for to reside in during the road construction between Lampang to Chiang Rai. It was then transformed into a hotel named “Chai Kwan”. Today it is a residence of Chantarasri Phisitkul, a great grandchild in-law of Luang Phisit Kaiyakorn.


บ้านน้อย

อ่านเพิ่มเติม

บ้านน้อย

  • ที่ตั้ง เลขที่ 93 ถนนเพชรเกษม อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  • สถาปนิก/ผู้ออกแบบ สถาปนิกผู้บูรณะ ดร.ยุวรัตน์ เหมะศิลปิน
  • ผู้ครอบครอง อัศวิน และหม่อมราชวงศ์อัจฉรียา คงสิริ
  • ปีที่สร้างพ.ศ. 2465
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2553

ประวัติ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ ทรงจับจองที่ดินบนชายหาดหัวหินในช่วงที่มีการสร้างทางรถไฟสายใต้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 พระองค์ทรงตั้งชื่อที่ดินนี้ว่า สุขเวศม์ และรับสั่งให้สร้างพระตำหนักพักร้อนส่วนพระองค์ชื่อว่าตำหนักแสนสำราญพร้อมกับสร้างบ้านสำหรับรับแขกหลายหลังเพื่อใช้รับเสด็จเจ้านายที่เสด็จมาพักผ่อนที่หัวหิน บ้านน้อยหรือเดิมคือ บ้านดลสุขเพลิน ก็เป็นหนึ่งในบ้านพักเหล่านี้ หลังจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์สิ้นพระชนม์ บ้านน้อยได้ตกทอดมายังพระโอรส คือ พลเอกพระวรวงศ์เธอ พระเจ้าองค์บวรเดชหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงต่อเติมบ้านให้กว้างขวางขึ้นทั้งยังสร้างโรงงานพิมพ์ผ้าโขมพัสตร์บนที่ดินฝั่งตรงข้ามซึ่งได้สืบทอดกิจการมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบัน บ้านน้อยครอบครองโดย คุณอัศวิน และหม่อมราชวงศ์อัจฉรียา คงสิริ ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล ส่วนตำหนักแสนสำราญได้รื้อไปแล้ว แต่ก็ยังมีรูปสีน้ำแขวนตำหนักแสนสำราญแขวนอยู่ที่ผนังในห้องนั่งเล่นของบ้านน้อย

บ้านน้อยเป็นบ้านที่มีเอกลักษณ์ของบ้านตากอากาศแบบหัวหินในช่วงปี พ.ศ. 2454 –2488 เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง มีระเบียงขนาดใหญ่ด้านริมทะเลทิศตะวันออก ภายในบ้านประกอบด้วยชานบ้านขนาดใหญ่ที่ต่อเนื่องระหว่างระเบียงและห้องนอน ห้องเตรียมอาคารและห้องพักของบ่าวไพร่ ภายในบ้านมีช่องแสงและช่องลมเป็นลายไม้ฉลุ หน้าต่างของบ้านเปิดยาวถึงพื้นเพื่อให้ตัวบ้านโล่งและอากาศถ่ายเทได้สะดวก หลังคาเป็นทรงปั้นหยามุงกระเบื้องซีเมนต์รูปว่าว เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งภายใน ส่วนใหญ่เป็นฝีมือการออกแบบของพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระเจ้าองค์บวรเดช

บ้านน้อยได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ปี พ.ศ. 2550 เนื่องจากประสบปัญหาจากปลวก สภาพอาคารทรุดโทรม รวมทั้งความต้องการของเจ้าของบ้านที่อยากให้มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยในเรือนใหญ่ และเรือนครัวเดิม ขยายระเบียงริมทะเลให้ใหญ่ขึ้นพร้อมปรับหลังคาส่วนปีกนกที่เดิมค่อนข้างเตี้ยให้สูงขึ้นเพื่อให้เปิดมุมมองด้านที่ติดทะเล นอกจากนี้ยังมีการสร้างเรือนครัวใหม่และสระว่ายน้ำ สำหรับกระเบื้องมุงหลังคาเดิมซึ่งเป็นกระเบื้องซีเมนต์รูปว่าวก็รื้อลงมาล้าง คัดแยกส่วนที่ชำรุดออกแล้วมุงกลับไปใหม่ โดยเรือนใหญ่จะเป็นกระเบื้องมุงหลังคาเดิมทั้งหมด ส่วนที่ต่อเติมก็ใช้กระเบื้องมุงหลังคาซีเมนต์รูปว่าวแบบเดียวกันแต่เป็นของทำขึ้นมาใหม่การบูรณะปรับปรุงบ้านน้อยครั้งนี้สามารถรักษาสภาพดั้งเดิมของบ้านไว้ได้อย่างน่าชื่นชม เหมาะสมกับการเป็นบ้านพักตากอากาศของหัวหินเหมือนอย่างในอดีต

Noi House

  • Location 93 Petkasem Road, Amphoe Hua Hin, Prajuab Kirikhan Province
  • Proprietor Assawin & M.R. Atchariya Kongsiri
  • Date of Construction 1911-1954
  • Conservation Awarded 2010

History

H.R.H. Prince Kromma Phranaresuan presented a beautiful land in Hua Hin during the southern line railroad construction in 1911 and named the place “Sukhwet”. He built a vacation home name “San Samran” and several guest houses. One of guest houses was called “Ban-Noi” (formely “Ban Don Suk Plern”).

After the World War II, the house was expanded, together with new Textile factory of “Khomapastr” textile clothes on the opposite side of the house, which is still operated until today. Now the house belongs to the 3rd generation Mr.Asawin and his wife. While the main vacation house “Sukhwet” was removed, but still remained as in a painting in the living room at Noi House.

Noi House has a characteristic of vacation house built around Hua Hin during 1911-1945. Its floor is raised with a large porch facing the East and the sea. The interior has a flow that connects the terrace with the bedroom. The windows are large and long connecting with the floor. It has a hipped roof and kite shaped concrete roof tiles. Its furniture had been designed by H.H. Prince Baworndej.

In 2007, there was a renovation due to its deteriorating state and termites problem. The terrace was expanded, the roof was raised, new kitchen and swimming pool was added on.


บ้านศิลปินคลองบางหลวง

อ่านเพิ่มเติม

บ้านศิลปินคลองบางหลวง

  • ที่ตั้ง391 ซอยเพชรเกษม 28 แขวงคูหาสววรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
  • ผู้ครอบครอง ชุมพล อักพันธานนท์ และเพื่อนศิลปิน
  • ปีที่สร้าง ไม่ปรากฏหลักฐานปีที่สร้าง
  • ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2553

ประวัติ

เดิมบ้านหลังนี้เป็นของตระกูลรักสำรวจ เป็นร้านขายของชำหลากหลายชนิด รวมทั้งยังมีกิจการทำทองซึ่งเป็นกิจการหลักของคนในย่านคลองบางหลวงนี้มาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี พอเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์คนส่วนใหญ่นิยมรับราชการมากขึ้น ตระกูลนี้จึงหันมารับราชการจวบจนปัจจุบัน ต่อมา กลุ่มศิลปินนำโดย คุณชุมพล อักพันธานนท์ คุณสุรางค์รักษ์ ชัยศรีโชติ คุณจิตติมา วิบูลย์ลาภ และคุณเอก ธโชติวัฒนากร ศิลปินผู้หลงเสน่ห์ของบ้านไม้ริมคลองและวิถีชีวิตริมน้ำดั้งเดิมของคนในแถบนี้ จึงได้ขอซื้อบ้านต่อจาก ผู้ครอบครองเดิมและบูรณะใหม่เพื่อใช้เป็นที่ทำงาน แสดงผลงาน ภาพวาด ภาพถ่าย ขายกาแฟ โปสการ์ด และของที่ระลึก

ตัวบ้านเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น ลักษณะโปร่งโล่ง มีระเบียงโดยรอบ หลังคาจั่วมุงด้วยสังกะสี ผังของบ้านมีลักษณะเป็นรูปตัวยู (U) ตรงกลางตัวยูมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สันนิษฐานว่าเป็นเจดีย์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาและเคยเป็นส่วนหนึ่งของวัดกำแพง หรือวัดบางจาก วัดที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านศิลปิน

ปัจจุบันบ้านศิลปินช่วยสร้างจุดสนใจในความเป็นวิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำ มีผู้แวะไปเยี่ยมชมสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ ช่วงวันหยุด ตามเจตนารมณ์ของกลุ่มศิลปินที่ไม่ต้องการให้มีคนหนาแน่น เรียบง่ายตามอัตภาพ และไม่อึกทึกครึกโครมจนเกินไป

The Artist House Klong Bangluang

  • Location 391 Soi Petchkasem 28, Khwaeng Khuhasawan, Khet Phasi Charoen, Bangkok
  • Proprietor Chumpon Akkapantanon and His Fellow Artists
  • Conservation Awarded 2010

History

This house was formerly owned by Raksamruaj family and used to be a grocery and also gold shop which was the main business for villagers in Bang Luang canal area since Thonburi era. Later an artist group led by Chompon Akkapantanon and his fellow artists who was fascinated to the old wooden house along the canal and the traditional living style of people in the waterside, bought the house from a previous owner and renovated it for their office and exhibition gallery of their paintings and photographs. It is also the coffee, souvenir and postcard shop.

This wooden 2 storey house surrounded by porch is well ventilated. The gabled roof was made of galvanized iron. The house plan is U shape and in the center stands a stupa with twelve-indented corners which was assumingly from a temple located near the house in Ayutthaya period.

Today the Artist House is one of distinguished places in local people lifestyle along the canal where always attracts many visitors, especially on weekends. However the artists’ intention for the place is still to keep it conventionally simple and not to crowded and noisy.


น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้