หอพระไตรปิฎก วัดระฆังโฆสิตาราม
อ่านเพิ่มเติม
หอพระไตรปิฎก วัดระฆังโฆสิตาราม
- ที่ตั้ง วัดระฆังโฆสิตาราม ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
- สถาปนิก/ผู้ออกแบบ –
- ผู้ครอบครอง วัดระฆังโฆษิตาราม
- ปีที่สร้าง รัชกาลที่ 1
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2530
ประวัติ
วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร เป็นวัดโบราณที่สร้างมาแต่ครั้ง กรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดบางหว้าใหญ่ ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงย้ายราชธานีมาที่กรุงธนบุรี ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดบางหว้าใหญ่ขึ้นเป็นพระอารามหลวง
ในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ขุดสระขึ้นมาเพื่อเป็นที่ตั้งของหอไตร ระหว่างการขุดสระได้พบระฆังลูกหนึ่ง เมื่อตีมีเสียงไพเราะกังวาน จึงทรงขอไปไว้ที่หอระฆังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วโปรดให้สร้างระฆังพระราชทานแทน 4 ลูก พร้อมกับสร้างหอระฆัง และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดระฆังโฆสิตาราม
ส่วนหอพระไตรปิฎกดังกล่าว คือพระตำหนักส่วนพระองค์ และหอนั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เดิมตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกของพระอุโบสถเก่า และได้รื้อย้ายมาปลูกกลางสระน้ำที่ขุดขึ้น ลักษณะเป็นเรือนไทยแฝด 3 หลัง หลังคามุงกระเบื้องและมีกระเบื้องเชิงชายลายเทพนมประดับอยู่บริเวณปีกนก รองรับชายคาด้วยคันทวยแกะสลักเป็นรูปนาคปิดทองประดับกระจก ตัวเรือนฝาปะกน มีชานด้านหน้าล้อมรอบด้วยรั้วไม้ มีซุ้มทางเข้าอยู่ตรงกลาง ตัวซุ้มและบานประตูซุ้มเป็นไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝีมือครั้งรัชกาลที่ 1 นอกจากนี้ยังมีตู้พระไตรปิฎกขนาดใหญ่ฝีมืออยุธยา เป็นตู้ลายรดน้ำที่งดงามมาก
สระดังกล่าว ต่อมาได้ถมไป หอไตรปัจจุบันจึงตั้งอยู่บนพื้นดิน และได้มีการบูรณะมาอย่างสม่ำเสมอ ครั้งหลังสุดคือใน พ.ศ. 2525 คราวฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
Ho Phra Traipidok, Wat Rakhang Khositaram
- Location Wat Rakhang Khositaram, Arun Amarin Road, Khet Bangkok Noi, Bangkok
- Architect/Designer Unknown
- Proprietor Wat Rakhang Khositaram
- Date of Construction King Rama I period
- Conservation Awarded 1987 AD.
History
Wat Rakhang Khositaram is an ancient temple founded in Ayutthaya period and was established as a royal temple in the reign of King Taksin the Great.
Ho Phra Traipidok,or scriptures hall at Wat Rakhang Khositaram was originally a residence of King Rama I before his ascension to the Throne. It is a Thai architecture comprises 3 buildings with fenced deck in the front. The buildings are finely decorated with wood-craving, colour glass mosaics and gold leaves.The interior walls are adorned with mural paintings from King Rama I period. Beautiful art objects, the scriptures cabinet of washed gilded lacquer are housed in the hall.
Originally, the hall stood in a pond but later it was filled up thus, at present, the hall stand on ground. The latest restoration was carried out in 1982, on the Bangkok Bicentennial Ceremony.




โบสถ์วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์)
อ่านเพิ่มเติม
โบสถ์วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์)
- ที่ตั้ง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพฯ
- สถาปนิก/ผู้ออกแบบ คุณพ่อแดซาลส์
- ผู้ครอบครอง โบสถ์วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์)
- ปีที่สร้าง พ.ศ. 2434 – 2440
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2530
ประวัติ
วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์) เป็นวัดเก่าแก่ของชาวคริสตังโปรตุเกส ก่อตั้งขึ้นโดยบาทหลวงและชาวโปรตุเกสกลุ่มหนึ่งซึ่งอพยพมาจากกรุงศรีอยุธยาหลังการเสียกรุงครั้งที่ 2 และได้มารวมตัวกันอยู่ ณ บริเวณที่เป็นที่ตั้งวัดกาลหว่าร์ในปัจจุบัน โดยเรียกชื่อว่า “ค่ายแม่พระลูกประคำ” ตามชื่อรูปแม่พระที่พวกเขาได้นำมาจากกรุงศรีอยุธยา แรกก่อตั้งยังไม่มีวัดจึงต้องไปร่วมพิธีทางศาสนาที่วัดซางตาครู้ส ต่อมาในปี พ.ศ. 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงโปรดเกล้าฯพระราชทานที่ดินที่ค่ายนั้นให้เป็นที่สร้างวัด จึงได้สร้างวัดหลังแรกขึ้น แล้วเสร็จในปี 2330 เมื่อแรกก่อตั้งนั้นได้ให้ชื่อว่า “โบสถ์กาลวารีโอ” ตามชื่อภูเขาที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน ต่อมาจึงเพื้ยนเป็น “กาลหว่าร์”
สำหรับโบสถ์หลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2434 – 2440 นับเป็นโบสถ์หลังที่ 3 ของวัดนี้ที่สร้างขึ้นแทนโบสถ์เดิมที่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ลักษณะสถาปัตยกรรมโกธิครีไววัล (Gothic Revival) ผังอาคารเป็นรูปไม้กางเขน หันหน้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหน้าเป็นหอระฆังสูงหลังคาเป็นยอดแหลมประดับไม้กางเขนที่ยอดสุด ซุ้มทางเข้าเป็นซุ้มโค้งแหลม รับหน้าจั่วทรงสูงแบบโกธิค ผนังอาคารประดับตกแต่งด้วยกระจกสีเป็นเรื่องราวในพระคัมภีร์ ซึ่งนับเป็นงานกระจกสีที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
ตัวโบสถ์ได้รับการบูรณะใหญ่ในช่วงปี พ.ศ. 2526 – 2532 และครั้งหลังสุดในปี 2538 ในการบูรณะได้พยายามอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ให้มากที่สุด โบสถ์นี้ได้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาที่สำคัญๆ มาตลอด และได้ฉลองครบรอบ 100 ปี เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2540
Wat Mae Phra Lukprakham (Galvar) Church
- Location Khwaeng Talad Noi, Khet Samphanthawong, Bangkok
- Architect/Designer Father Desalles
- Proprietor Wat Mae Phra Lukprakhum (Galvar) Church
- Date of Construction 1891-1897 AD.
- Conservation Awarded 1987 AD.
History
Wat Mae Phra Lukprakham, or Galvar Church is an ancient Portuguese Catholic church founded by a group of Portuguese priests and people who fled from Ayutthaya after the Burmese war. They settled at the site where the present church is located and called it “Mae phra Lukprakham Camp” (Camp of the Virgin). In 1786, King Rama I granted them the land and a permission to build their church. Thus, in that year, the first church was constructed and named “Galvario”, which was shortened to “Galvar” as it is known today.
The present church, the third of this temple, was built during 1891 – 1897. Its architecture is Gothic Revival style with a cross-shaped plan, facing the front façade comprises a spired bell tower with a cross at the top, point arched gate, and high pitched Gothic gable. The walls are decorated with stained glass depicting scenes from the Bible, which are amongst the most beautiful ones in Thailand. The church has celebrated its 100th Anniversary in 5th October, 1997.





สิมวัดแจ้ง
อ่านเพิ่มเติม
สิมวัดแจ้ง
- ที่ตั้ง วัดแจ้ง 148 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
- สถาปนิก/ผู้ออกแบบ –
- ผู้ครอบครอง วัดแจ้ง
- ปีที่สร้าง ประมาณ พ.ศ. 2455
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2530
ประวัติ
สิมวัดแจ้ง เป็นสิมทึบยกฐานสูง ส่วนหน้าเป็นโถงเปิดโล่ง รูปแบบสถาปัตยกรรมพื้นถิ้นอีสานสกุลช่างเมืองอุบล ลักษณะเด่นคือสัดส่วนอาคารที่สวยงามและการตกแต่งที่วิจิตรด้วยไม้แกะสลัก โดยเฉพาะเครื่องลำยองและหน้าบันจำหลักลายช้างเอราวัณอยู่ระหว่างคชสีห์ 2 ตัว ด้านล่างเป็นลายกอบัวและดอกบัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์เมืองอุบล โหง่ ใบระกา และหางหงส์ไม้แกะสลักอย่างละเอียดประณีต มีลักษณะที่แสดงถึงอิทธิพลศิลปะล้านช้าง ส่วนตัวสิมแสดงความหนักแน่นแบบศิลปะพื้นบ้านด้วยผนังที่ทึบตัน หน้าต่างเล็ก ไม่มีซุ้ม ฐานแอวขัน และบันไดที่ขนาบข้างด้วยแข่ (จระเข้) ซึ่งนิยมแต่เฉพาะในภาคอีสาน
วัดแจ้ง สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2431 โดยดำริของเจ้าราชบุตร (หนูดำ) หนึ่งในอาญาสี่ ผู้ปกครองอุบลในสมัยนั้น ส่วนสิมหลังนี้ ตามบันทึกของพระใบฎีกา ทา กมโล กล่าวว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2455 ใช้เป็นที่ประกอบสังฆกรรมของวัด คือ เป็นทั้งวิหารและโบสถ์ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในปี พ.ศ. 2527
Sim, Wat Chaeng
- Location Wat Chaeng, 148 Tambon Nai Mueang, Amphoe Mueang, Ubon Ratchathano Province
- Architect/Designer Unknown
- Proprietor Wat Chaeng
- Date of Construction circa 1912 AD.
- Conservation Awarded 1987 AD.
History
Sim or Ordination Hall at Wat Chaeng is a walled structure on high raised floor with an open porch at the front, Northeastern Thai architecture of Ubon School. Distinguished features are its beautiful proportion and fine decorative elements i.e. front pediment of woodcarvings which depict Erawan, the three-headed elephant of the God Indra flanked by two mythical lions, and lotus, symbol of Ubon Ratchathani. Although its roof style and decorations indicate the Lan Chang (Laos) influences, the solid, simple form and details such as the crocodile-flanked staircase belong particularly to Northeastern, or Isan style.
Wat Chaeng was founded circa 1888 AD. by initation of Chao Ratchabut (Prince Nu Dam), one of Aya Si (The Four Authorities) who governed Ubon Ratchathani in those days. Sim, according to Phra Bai Dika Tha Kamalo, was constructed circa 1912 and has been registered as a National Monument since 1984.



