โบสถ์ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย
อ่านเพิ่มเติม
โบสถ์ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย
- ที่ตั้ง โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ถนนแก้วนวรัฐ ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
- สถาปนิก/ผู้ออกแบบ นายแวน แอลเล็น ฉอรีส
- ผู้ครอบครอง โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย
- ปีที่สร้าง ประมาณ พ.ศ. 2472
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2539
ประวัติ
โบสถ์ประจำโรงเรียนปรินส์รอยแบส์วิทยาลัย ก่อสร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคจากแรงศรัทธาของคริสตศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเมริกัน โดยพ่อครูดร.วิลเลียม แฮรีส เป็นผู้นำในการก่อตั้งโบสถ์ขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2472 เมื่อทุนทรัพย์พร้อมแล้ว นายแวน แอลเล็น แฮรีส (Van Allen Harris) น้องชายของพ่อครูฉอรีสซึ่งเป็นสถาปนิกและวิศวกร ได้เดินทางมายังเชียงใหม่ เพื่อออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโบสถ์ โดยไม่รับค่าตอบแทนใดๆ จนก่อสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2473
อาคารโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นที่นำเอาลักษณะอย่างโกธิคมาประยุกต์ใช้ โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาจั่ว ภายในเพดานสูงตามรูปจั่ว รองรับด้วยโครงหลังคาแบบ Hammer-beam roof ที่ทำเป็นซุ้มโค้งแหลมเป็นการนำเอาโครงสร้างอาคารมาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งได้อย่างดียิ่ง ส่วนองค์ประกอบต่างๆ เรียบง่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่าและศักดิ์สิทธิ์ และได้ใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจประจำโรงเรียนตลอดมา
Church, Prince Royals College
- Location Prince Royal’s college, Kaew Nawarat Road, Tambon Wat Ket, Amphoe Mueang, Chiang Mai Province
- Architect/Designer Mr. Van Allen Harris
- Proprietor Prince Royal’s College
- Date of Construction 1929 AD
- Conservation Awarded 1996 AD
History
The church of the Prince Royal’s college was built by contributions from faithful Christians, both Thai and American, led by Dr. William Harris in 1929. The architect was Mr. Van Allen Harris, Dr. Harris’s brother, who volunteered to design and supervise the project without receiving any fees. The church was completed in 1930.
The architecture of the church is Modern style, with some application of Gothic elements. It is a reinforced concrete structure with high-pitched gable roof. The ceiling is supported with hammer beams that were beautifully designed as part of interior decorations. Although it is moderately decorated, the building is truly dignified and sacred in the overall atmosphere.



ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร
อ่านเพิ่มเติม
ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร
- ที่ตั้ง วัดบวรนิเวศวิหาร ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
- สถาปนิก/ผู้ออกแบบ – ผู้ครอบครอง วัดบวรนิเวศวิหาร
- ปีที่สร้าง พ.ศ. 2456
- ปีที่ได้รับรางวัล พ.ศ. 2539
ประวัติ
วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เดิมเรียกกันว่า วัดใหม่หรือวัดบน สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ วังหน้าในรัชกาลที่ 2 ทรงสถาปนาขึ้นใหม่ในช่วงพ.ศ. 2367 – 2375 ได้ทำการผูกพัทธสีมมั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2372 และในปีพ.ศ. 2379 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดบวรนิเวศวิหาร” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวชอยู่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
วัดนี้ได้รับการทำนุบำรุงต่อมาในทุกรัชกาล ทำให้มีถาวรวัตถุอันเป็นสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชิ้นเอกของแต่ละยุคสมัยปรากฏอยู่จนวันนี้ทุก หนึ่งในสถาปัตยกรรมที่หน้าสนใจคือ ตำหนักเพ็ชร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกเข้ากับรายละเอียดแบบไทยได้อย่างกลมกลืน พระบาทสมเด็จพระมุงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2456 เพื่อเป็นท้องพระโรง ถวายแด่พระมหาสมณเจ้า กรมพระวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระมหาสังฆปรินายก เป็นอาคารชั้นเดียว หลังคาปั้นหยา มุขทางเข้าหลังคาจั่ว ก้านหน้าเป็นทิวเสา (Colonnade) ประดับตกแต่งด้วยไม้แกะสลักและปูนปั้นเป็นลวดลายทั้งลายไทยและลายอย่างฝรั่ง เสาย่อมุม มีหัวเสา ฐานเสาแบบไทยประยุกต์ ปัจจุบันตำหนักเพ็ชรใช้เป็นที่ประชุมมหาเถรสมาคมและเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหล่อด้วยปูนปลาสเตอร์ซึ่งเคยประดิษฐานไว้ที่พระนครคีรี
Tamnak Phet, Wat Bowonniwetwihan
- Location Wat Bowonniwetwihan, Phra Sumen Road, Khwaeng Bowonniwet, Khet Phra Nakhon, Bangkok
- Architect/Designer Unknown
- Proprietor Wat Bowonniwetwihan
- Date of Construction 1913 AD C
- onservation Awarded 1996 AD
History
Wat Bowonniwetwihan was originally a local temple called “Wat Mai” or “Wat bon”. Somdet Phra Boworaratchao Mahasakdipholasep, the Vice-King to King Rama II reestablished it as a royal temple during 1824-1832. In 1836, King Rama III renamed the temple “Wat Bowonniwetwihan”. At that time, the abbot was King Rama IV, his brother, when he was ordained as a monk.
The temple has been developed and maintained in every successive reign,thus the temple compound comprises several valuable architecture and art objects. One of which is “Tamnak Phet”, architecture with a combination of Western and Thai style. King Rama VI had the building constructed in 1913 as a Throne Hal for Somdet Phra Maha Samanachao Krommaphra Wachirayan Warorot, the Supreme Patriarch. It is one-storey, hipped roof, gabled entrance porch, with colonnades at the front and decorated with elaborate woodcarvings and moulding in Thai and European designs.
The columns are Thai-stylized with indented corners and bases. At present, it house the conference hall for Sangha Supreme Council and the sculpture of King Rama IV that was formerly kept at Phra Nakhon Khiri.

