มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม กระบี่
31 มี.ค. 2568
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ออก “ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2568” เพื่อใช้แทนฉบับเดิม พ.ศ. 2559 ประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้มีอายุใช้บังคับ 5 ปี ตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 ถึง 31 มีนาคม 2573 มีเนื้อหาที่ได้ปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มเติมในรายละเอียดบางอย่างจากฉบับเดิม พอสรุปเฉพาะในส่วนที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ดัดแปลงอาคาร ดังนี้
ในประกาศกระทรวงฉบับใหม่มีการปรับเปลี่ยนการจำแนกบริเวณไปจากเดิม บริเวณที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารคือ บริเวณที่ 3 ได้แก่ พื้นที่เกาะต่างๆ ยกเว้นบริเวณที่ 1 ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าชายเลน และบริเวณที่ 4 ได้แก่ พื้นที่ควบคุมอาคารบนแผ่นดินที่เหลือ ยกเว้นเขตเทศบาลเมืองกระบี่
หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร ได้แยกออกเป็นข้อกำหนด 3 ข้อ ได้แก่ ข้อกำหนดสำหรับ พื้นที่ที่ยกเว้นเกาะพีพีดอนและเกาะลันตาใหญ่ (ข้อ 7) พื้นที่บนเกาะพีพีดอน (ข้อ 8) และ พื้นที่บนเกาะลันตาใหญ่ (ข้อ 9)
ข้อกำหนดสำหรับพื้นที่ที่ยกเว้นเกาะพีพีดอนและเกาะลันตาใหญ่ (ข้อ 7) ที่น่าสนใจ เช่น
– ไม่กำหนดเรื่องระยะห่างจากแนวชายฝั่งทะเล (เข้าใจว่าเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับข้อกำหนดในกฎหมายควบคุมอาคารที่มีอยู่แล้ว) แต่ยังคงห้ามการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบนพื้นที่ที่มีความลาดชันตามธรรมชาติเกินร้อยละ 35
– ในที่ดินแปลงที่อาคารตั้งอยู่ ต้องมีที่ว่างน้ำซึมผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่างตามกฎหมายควบคุมอาคารหรือกฎหมายการผังเมือง และมีพื้นที่สีเขียวซึ่งมีไม้ยืนต้นเป็นองค์ประกอบหลักไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่น้ำซึมผ่านได้ ยกเว้นที่ดินแปลงที่มีจำนวนเนื้อที่น้อยกว่า 100 ตารางวา และใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยหรือพาณิชยกรรม
– จำกัดความสูงของอาคารในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเกิน 40 เมตร ต้องสูงไม่เกิน 6 เมตร (กรณีอาคารทรงจั่วซึ่งให้วัดถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด ความสูงถึงจุดสูงสุดต้องไม่เกิน 9 เมตรด้วย) และในพื้นที่ที่มีความลาดชันร้อยละ 20-35 ต้องสูงไม่เกิน 6 เมตร
– หลักเกณฑ์การวัดความสูงของอาคาร มีการกำหนดเพิ่มเติมว่าให้วัดถึงพื้นดาดฟ้า เว้นแต่อาคารทรงจั่วหรือปั้นหยา ให้วัดถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด และ ในกรณีที่พื้นที่ใดมีกฎหมายควบคุมอาคารบังคับใช้เป็นการเฉพาะ ให้วัดความสูงตามกฎหมายควบคุมอาคารเฉพาะในพื้นที่นั้น
ข้อกำหนดสำหรับพื้นที่บนเกาะพีพีดอน (ข้อ 8)
– สำหรับพื้นที่ที่ต่อจากพื้นที่ตามกฎกระทรวงควบคุมอาคารเรื่องบริเวณห้ามก่อสร้างฯ จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2547 ยกเว้นกรณีที่อยู่ในบริเวณที่มีความลาดชันร้อยละ 15-35 และกรณีที่พื้นที่ดินน้อยกว่า 100 ตารางว่า กำหนดให้อาคารต้องสูงไม่เกิน 9 เมตร และมีพื้นที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของที่ดินแปลงที่ขออนุญาต โดยพื้นที่ว่างดังกล่าวต้องเป็นที่ว่างน้ำซึมผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่าง และมีพื้นที่สีเขียวซึ่งมีไม้ยืนต้นเป็นองค์ประกอบหลักไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่น้ำซึมผ่านได้
– สำหรับกรณีอยู่ในบริเวณที่มีความลาดชันร้อยละ 15-35 อาคารต้องสูงไม่เกิน 8 เมตร ขนาดที่ดินแปลงที่ขออนุญาตต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 100 ตารางวา มีพื้นที่อาคารคลุมดินแต่ละหลังไม่เกิน 90 ตารางเมตร มีพื้นที่ว่างไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของที่ดินแปลงที่ขออนุญาต โดยพื้นที่ว่างดังกล่าวต้องเป็นที่ว่างที่น้ำซึมผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และต้องปลูกต้นไม้ที่เป็นไม้ยืนต้น เพื่อให้เป็นพื้นที่สีเขียวยั่งยืนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่น้ำซึมผ่านได้นั้น และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกรณีที่มีการปรับสภาพพื้นที่
– และกรณีอาคารตั้งอยู่บนพื้นที่ดินที่มีพื้นที่น้อยกว่า 100 ตารางวา ต้องใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยเท่านั้น โดยให้มีที่ว่างน้ำซึมผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่างตามกฎหมายควบคุมอาคารหรือกฎหมายการผังเมือง
ข้อกำหนดสำหรับพื้นที่บนเกาะลันตาใหญ่ (ข้อ 9)
– ในที่ดินแปลงที่อาคารตั้งอยู่ ต้องมีที่ว่างน้ำซึมผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่างตามกฎหมายควบคุมอาคารหรือกฎหมายการผังเมือง และมีพื้นที่สีเขียวซึ่งมีไม้ยืนต้นเป็นองค์ประกอบหลักไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่น้ำซึมผ่านได้ ยกเว้นที่ดินแปลงที่มีจำนวนเนื้อที่น้อยกว่า 100 ตารางวา และใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยหรือพาณิชยกรรม
– ในบริเวณที่มีความลาดชันร้อยละ 15-35 อาคารต้องสูงไม่เกิน 8 เมตร
– สำหรับพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางเกิน 40 เมตร หากความลาดชันไม่ถึงร้อยละ 15 อาคารต้องสูงไม่เกิน 9 เมตร
ข้อกำหนดอื่นๆ เช่น
– การจัดสรรที่ดิน ให้ทำได้เฉพาะการจัดสรรที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยหรือเพื่อประกอบพาณิชยกรรมซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎหมายผังเมือง
– โรงงาน เดิมห้ามเว้นแต่โรงงานบางประเภทโดยมีการกำหนดเงื่อนไขไว้ ประกาศกระทรวงฉบับใหม่ไม่กำหนดห้าม แต่ต้องจัดให้มีเครื่องจักรหรืออุปกรณ์เพื่อควบคุมมลพิษหรือแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด และมีที่ว่างน้ำซึมผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่ว่างตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารหรือกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และมีพื้นที่สีเขียวซึ่งมีไม้ยืนต้นเป็นองค์ประกอบหลักไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่น้ำซึมผ่านได้
– ประกาศกระทรวงฉบับใหม่ไม่มีการกล่าวถึง ฌาปนสถาน สุสาน คลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว สถานที่บรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว ป้าย
โครงการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น มีการปรับเปลี่ยน เช่น
– โรงแรม อาคารอยู่อาศัยรวม หรืออาคารชุด ที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 50 ห้อง (เดิมตั้งแต่ 30 ห้อง) ถึง 79 ห้อง หรือมีพื้นที่ใช้สอยของทุกอาคารดังกล่าวรวมกันตั้งแต่ 2,500 ตารางเมตร (เดิมตั้งแต่ 1,500 ตารางเมตร) แต่ไม่ถึง 4,000 ตารางเมตร
– โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยค้างคืน 10-59 เตียง เพิ่ม หากเป็นกรณีตั้งอยู่ใกล้ฝั่งทะเลหรือชายหาด ในระยะ 50 เมตร ที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน 10-29 เตียง
สำหรับโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการปรับเปลี่ยน ได้แก่
– เพิ่ม โรงแรม อาคารอยู่อาศัยรวม อาคารชุด ที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป หรือมีพื้นที่ใช้สอยทุกอาคารรวมกันตั้งแต่ 4,000 ตารางเมตรขึ้นไป
– สถานที่ที่ใช้ในการกำจัดขยะมูลฝอยที่มีปริมาณในการกำจัดตั้งแต่ 50 ตันต่อวันขึ้นไป
ดาวน์โหลดประกาศกระทรวง eqa/ma68-04.pdf