สนช.ผ่านร่างพรบ.ควบคุมอาคาร

เรียบเรียงจาก โพสต์ทูเดย์ (www.posttoday.com) 26 กุมภาพันธ์ 2558

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร โดยนายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย ชี้แจงถึงหลักการและเหตุผลว่า เป็นการสมควรที่จะให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ดังกล่าว ให้รัฐมนตรีออกกฎกระทรวงกำหนดให้เรื่องที่เป็นรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามคำแนะนำที่คณะกรรมการควบคุมอาคารกำหนดให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล เพิ่มเติมให้เจ้าของอาคารต้องจัดให้มีการประกันภัยความรับผิดชอบตามกฎหมายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกให้ได้รับการชดใช้ในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวจากอาคารนั้น และปรับปรุงกระบวนการให้ก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนโดยไม่ต้องยื่นขอใบอนุญาตเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนมากขึ้น

นายสนิท อักษรแก้ว สนช. อภิปรายว่า ปัจจุบันมีการก่อสร้างที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก ถ้าพ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ก็มีความหวังว่าจะมีผลดีกับสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศมากขึ้น แต่ก็มีความเป็นห่วงในเรื่องของการก่อสร้างอาคารสูงในกรุงเทพว่าจะมีความปลอดภัยหรือไม่ และมีการเอาเปรียบบ้านหลังเล็กในเรื่องของระบบสาธารณูปโภคหรือไม่ ทั้งนี้ อยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างเคร่งครัด เพราะที่ผ่านมามีการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่จริงจัง ควรมีมาตรการป้องปรามและกำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิดให้หนักขึ้น และกำหนดให้ชัดเจนว่าในการดัดแปลงหรือรื้อถอนให้ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ขณะที่ นายมณเฑียร บุญตัน สนช. อภิปรายว่า มีความไม่สบายใจที่ในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่า การก่อสร้างดัดแปลงและรื้อถอนอาคารไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพียงแต่ต้องแจ้งไว้เท่านั้น ทั้งที่ในปัจจุบันมีการก่อสร้างอาคารที่ผิดรูปแบบและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายมากมาย อย่างไรก็ดี อยากเสนอให้มีหนังสือรับรองการวิเคราะห์แบบอาคารว่าควรมีหลักประกันการเข้าถึงของคนทุกกลุ่ม สำหรับการสร้างหรือแก้ไขอาคารสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนรวมทั้งผู้สูงอายุสามารถใช้ประโยชน์จากอาคารได้

ด้านนายกิตติ วะสีนันท์ สนช. อภิปรายว่า อยากฝากคณะกรรมาธิการว่า กฎหมายนี้มีความพร้อมในการเปิดประชาคมอาเซียนหรือไม่ เพราะอาชีพวิศวกรและสถาปนิกมีข้อตกลงในการเคลื่อนย้ายเสรี เมื่อเปิดประชาคมอาเซียนแล้วจะมีวิศวกรและสถาปนิกจากประเทศอื่นเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้น กฎหมายนี้ควรรองรับการเข้ามาของวิศวกรและสถาปนิกจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย

พล.ร.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เชิดบุญเมือง สนช. อภิปรายว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าใน พ.ร.บ.ฉบับเดิมก็ได้บัญญัติไว้ว่าในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต้องมีการจัดทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่เหตุใดในปัจจุบันจึงยังเกิดปัญหาภายหลังการก่อสร้างมาตลอด เช่น ปัญหาน้ำเสีย ปัญหาจอดรถในพื้นที่สาธารณะ เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าเกิดปัญหาในทางปฏิบัติในขั้นตอนการขออนุญาตสร้าง จึงเห็นควรให้มีการเพิ่มเติมให้มีการยอมรับเสียงจากประชาชนในพื้นที่ก่อนที่จะมีการอนุมัติให้ก่อสร้างด้วย เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ที่ประชุมมีมติรับหลักการของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จำนวน 163 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง พร้อมทั้งให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว 15 คน ใช้เวลาในการแปรญัตติ 7 วัน กรรมาธิการดำเนินการใน 30 วัน

Facebook
Twitter
LinkedIn
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้