ASA Trip 2023 : ตอนที่ 2 เซี่ยงไฮ้ City & Architecture Walk Tour

ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัด ASA Trip 2023 เป็นกิจกรรมพาคณะกรรมการบริหารและคณะทำงานของสมาคมฯ ศึกษาดูงาน เดินทางไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน วันที่ 20-24 ตุลาคม 2566 ที่มาที่ไปของการดูงานในครั้งนี้ เริ่มจากงานสถาปนิก 66 ที่ผ่านมา ทางสมาคมสถาปนิกสยามได้เชิญคุณ Xu Tiantian เป็นสถาปนิกหญิงชาวจีนมาร่วมเป็นกรรมการตัดสินงานประกวดแบบนานาชาติในงานสถาปนิก 66 จากการได้เห็นผลงานการออกแบบของแกที่จีนน่าสนใจมาก ในการจัดกิจกรรมดูงานครั้งนี้ ทีมจัดกิจกรรมจึงได้วางโปรแกรมเป็นไฮไลท์ พาทุกคนไปเยี่ยมชมงานออกแบบของคุณ Xu Tiantian ซึ่งการไปเยี่ยมชมงานได้เล่ารายละเอียดต่างๆ ไว้แล้วในตอนที่ 1 ท่านที่สนใจสามารถกลับไปอ่านรายละเอียดได้ ตาม link นี้ครับ ( https://asa.or.th/news/asa-trip-2023-review-1/ )

ตอนที่ 2 เซี่ยงไฮ้ City & Architecture Walk Tour

ในการมาทัศนศึกษาดูงานในครั้งนี้ รายการที่เป็นไฮไลท์สำคัญอีกกิจกรรมหนึ่ง ซึ่งทางทีมจัดกิจกรรมคิดว่า เป็นกิจกรรมที่ต้องมี สำหรับการพากลุ่มสถาปนิกมาดูงาน คือ การพาชมเมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองมหานครทางเศรษฐกิจของจีนที่มีการพัฒนาไปเร็วมาก และการเดินชมสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ที่เราเรียกว่า เซี่ยงไฮ้ City & Architecture Walk Tour โดยวางโปรแกรมนี้ไว้ เป็นวันจันทร์ ที่ 23 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการมาเซี่ยงไฮ้ของคณะเรา และทีมจัดกิจกรรมของเรายังได้ คุณเจอร์รี่ หง (Jenchieh Hung) ผู้ร่วมก่อตั้งและสถาปนิกหลักจาก HAS design and research ผู้ทำงานและอยู่อาศัยในเซี่ยงไฮ้มาหลายปี มาเป็นผู้วางโปรแกรม ช่วยติดต่อประสานกับสถานที่ต่างๆ เพื่อให้คณะของเราได้เยี่ยมชมเป็นกรณีพิเศษ และพาคณะของเราเดินทาง เยี่ยมชมเมือง ย่านต่างๆ ชมงานสถาปัตยกรรม และเป็นวิทยากรพาเดินเที่ยวชมด้วยในวันจัดกิจกรรม ถือเป็นกิจกรรมเที่ยวชมเมืองและสถาปัตยกรรมที่พิเศษมาก ซึ่งทีมงานเราตื่นเต้นมาก ตั้งแต่เห็นโปรแกรมที่ทางคุณเจอร์รี่ส่งมาให้ดู

กิจกรรมวันนี้จะสนุกแค่ไหนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ เริ่มต้นด้วยการพาคณะดูงาน 30 กว่าท่าน เดินทางออกจากโรงแรมที่เราพัก ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้า ซึ่งรูปแบบของการเดินทางวันนี้เราจะเดินทางกันด้วยระบบขนส่งสาธารณะของเมืองเซี่ยงไฮ้และเดินต่อ ไปยังสถานที่ต่างๆ และตำแหน่งโรงแรมที่เราพัก ( Radisan Blu Hotel New Shanghai New World ) ก็ดีมาก มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน People’s Square อยู่ตรงข้ามโรงแรม ที่นี่จึงเป็นสถานีแรกของการเริ่มเดินทางในการดูงานวันนี้ ใช้เวลา 10 นาที รถไฟใต้ดินก็พาเรามาถึงยังสถานนี Jing’an Temple หลังจากออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน คณะของเราก็เดินทางต่อ ด้วยการเดิน ชมบรรยากาศเมือง บ้านพักชุมชน ร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร อาคารสำนักงาน และหนุ่มสาวชาวเซี่ยงไฮ้ตลอดทาง ซึ่งวันนี้เป็นวันทำงานของที่เซี่ยงไฮ้ด้วย ใช้เวลาเดินเพลินๆ 10 นาที เราก็มาถึงหน้าอาคาร สถานที่แรกในโปรแกรม

No.31
( Neri&Hu Design and Research Office , Shanghai )เป็นอาคารที่ทำงานของบริษัทสถาปนิกท้องถิ่นจีน ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับโลก Neri&Hu and Research Officeตั้งอยู่ในกลุ่มอาคารเล็กๆ ที่เคยเป็นอุตสาหกรรมมาก่อนในบริเวณวัดจิ้งอัน อาคารเคยเป็นอาคารสำนักงานและหอพักของบริษัทโทรคมนาคมท้องถิ่น ในการออกแบบ สถาปนิกสร้างแนวคิด เลือกที่จะนำอาคารเก่านี้มาใส่ programใหม่ ที่เรียกว่า ” ชุมชนการออกแบบ ” โดยจะเก็บโครงสร้างเดิมไว้ทั้งหมด เพื่อรักษาเรื่องราวของอาคารเดิมเอาไว้ และปรับปรุงสร้างภาษาการออกแบบใหม่ไปพร้อมๆกัน ในการปรับปรุง สถาปนิกเลือกที่จะออกแบบด้านหน้าอาคารใหม่ เพื่อเปลี่ยนภาษาของสถาปัตยกรรมและสร้างสัดส่วนใหม่ ด้วยช่องglassboxขนาดใหญ่และช่องเปิดแนวยาวมี frameเหล็กสีดำยาวต่อเนื่อง ทำให้เกิดภาพลวงตาของหน้าต่างริบบิ้นแนวนอนยาว ส่วนบนของอาคารทั้งหมดทาด้วยสีเทาเข็ม แตกต่างจากชั้นล่างที่แสดงการใช้วัสดุที่แตกต่างออกแบบด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว วางแนวยาวสลับลอนลูกคลื่น เว้นช่องว่างของบันได้เพื่อเป็น approach
เชื่อมจากพื้นที่ภายนอกเชื้อเชิญเข้าสู่บันไดหลักของอาคาร อาคารมีทั้งหมด 4 ชั้น ออกแบบให้เป็นพื้นที่ retail , art gallery ,Cafe ที่ชั้น 1 ชั้นที่สอง จะเป็น Design Republic office และส่วนออฟฟิตของ Neri&Hu จะอยู่ที่ชั้น 3-4
การเยี่ยมชมออฟฟิตครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับจากทีม HR ของออฟฟิต อย่างดีเป็นกันเอง อบอุ่นมาก พาเดินเยี่ยมชมสำนักงานทุกห้อง ทั้ง สตูดิโอทำงาน model lobby ห้องเก็บวัสดุ ห้อง prototype เล่าผลงานและอธิบายแนวคิดงานออกแบบสถาปัตยกรรมให้ทุกงานที่น่าสนใจ อย่างคล่องแคล่ว สรุปได้ชัดเจนละเอียดจนนึกว่าเป็นสถาปนิกโครงการเลย รวมถึงถึงตอบคำถามทุกคนให้เข้าใจดีมาก จุดที่ประทับใจ คือ ห้อง Architecture model gallery เดินชมได้แรงบันดาลใจกลับไปทำงานมาก ๆ การได้มาเยี่ยมชมสำนักงานออกแบบดีๆ สามารถสร้างแรงบันดาลใจอย่างมหาศาลที่จะช่วยผลักดันให้สถาปนิกอยากจะผลิตงานดีๆออกมาสู่สังคมให้ได้
หลังจากได้แรงบันดาลใจจากการไปเยี่ยมชมสำนักงานออกแบบแล้ว คณะของเราก็เดินทางกันต่อ เดินลัดเลาะไปตามฟุตบาทที่มีขนาดกว้างพอดีกับการเดิน มีร่มเงาจากต้นไม้ตลอดข้างทาน บางท่านก็คุยกันไประหว่างทางเกี่ยวกับผลงานสถาปัตยกรรมของ neri&hu อากาศกำลังเย็นสบาย สลับกับการชมเมืองที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลที่กำลังเปลี่ยนสี และเมืองที่มีรถวิ่งกันจอแจแต่ไม่มีกลิ่นควัน เนื่องจากรถยนต์ที่นี่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด เราเดินเข้าซอยชุมชนเล็กๆ ที่ในซอยเต็มไปด้วยอาคารเท่ห์ๆ เล็กๆ สลับกับบ้าน เรียกว่าเดินไปถ่ายรูปไป และเราก็มาถึงอาคารสีขาวสะดุดตา ที่เป็นอาคารที่สองที่คณะเราจะมาเยี่ยมชมวันนี้

NOW SPACE
หลังจากที่เราเดินเข้ามาในอาคาร เราก็ได้พบกับ คุณSamoon สถาปนิกหญิงตัวเล็ก ผู้ก่อตั้ง murmurlab ที่เป็นผู้ชุบชีวิตปรับปรุงอาคาร now space งานนี้ จนตอนนี้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ฮิปๆ ของวัยรุ่นเซี่ยงไฮ้ย่านจิ้งอันให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา ได้พาคณะของเราเยี่ยมชมอาคารและเล่าที่มาที่ไปของโครงการนี้ให้คณะของเราฟังอย่างละเอียด

โครงการ NOW SPACE นี้เป็นอาคารที่มีการใช้งานที่คุณSamoonเล่าให้ฟังว่า เป็น PRIVATE COMMERCIAL ที่เป็นทั้งสำนักงานสมัยใหม่ แกลลอรี่ ร้านกาแฟ ฯลฯ ที่ปรับปรุงมาจากอาคารโรงงานเก่าสองหลังที่วางชิดกัน สูง 5 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวมกัน 7,000 ตารางเมตร และมี court ที่แยกออกจากกันแต่เดิม จึงออกแบบใหม่ให้เป็นห้องโถงใหญ่ของอาคาร และมีหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับด้านหน้า นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ common hall ตั้งใจออกแบบให้เป็นโถงเอเทรียม สูง 5 ชั้น มีแสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาถึงด้านล่าง เพื่อสร้างบรรยากาศให้พื้นที่ภายในมีการเชื่อมต่อกับธรรมชาติภายนอกด้วยการมองเห็นฟ้าและแสงธรรมชาติ ทำให้เกิดปรากฎการณ์แสงและเงาที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของวันที่ตกกระทบกับ element ต่างๆ ภายในโถง เกิดเป็นรูปแบบ เรื่องราวของ shade & shadow ที่เปลี่ยนแปลงตลอดวัน สร้างทั้งบรรยากาศความสบาย ผ่อนคลาย และยังเป็นพื้นที่ที่น่าจดจำ สร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือน จนอดไม่ได้ที่จะต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกับสถานที่และบรรยากาศนี้เก็บไว้ รูปด้านภายนอกอาคารทั้งสองหลัง ยังคงรักษารูปทรงของอาคารเดิมไว้เกือบทั้งหมด ทำให้ดูเรียบง่ายแต่มีความเป็นสากล

ตัวอาคาร 5 ชั้นนี้ มีพื้นที่ใช้สอยรวมกัน 7,000 ตารางเมตร ออกแบบให้ชั้น 1 เป็นพื้นที่ต้อนรับ , common hall , ร้านกาแฟ , gallery , shop ที่เชื่อมต่อกับชั้นอื่นๆ ด้วยบันไดชานพักโค้งที่อยู่ในตำแหน่งสองข้างของอาคาร ชั้น 2 -5 เป็นพื้นที่เช่าสำนักงานสมัยใหม่ ที่มีขนาดหลากหลาย มีความยืดหยุ่นสูงในการปรับปรุงเป็นสำนักงานประเภทต่าง ๆ และมี rooftop เป็นบาร์ลับเล็กๆ ที่มีวิวของเมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นพื้นที่ hangout สำหรับคนทำงานได้มาผ่อนคลายในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ

NOW SPACE เป็นอีกอาคารหนึ่งที่มาเยี่ยมชมและได้แรงบันดาลใจมาก การที่จะได้โครงการดีๆ ขึ้นมาจะต้องมาจาก program ของอาคารที่ดี มีความคิดก้าวหน้า ใหม่และน่าสนใจด้วย อย่างเช่นอาคารนี้ เป็นสถาปัตยกรรมที่มีรูปแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยวิธีคิดต่างๆ ละเอียดทุกจุดในการออกแบบ ทำให้หลายคนในคณะเรายอมที่จะเดินขึ้นเดินลงกันแบบไม่เหนื่อย เพื่อจะได้รูปสวยๆ จากการถ่ายรูปใน space ตรงกลางที่เป็นจุดขายของอาคาร ที่ถ่ายมุมไหนก็สวยทุกรูป

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หลังจากเยี่ยมชมอาคาร NOW SPACE เสร็จ คณะของเราก็ฝากท้องมื้อเที่ยงไว้กับร้านเป็ดย่างชื่อดังจากเมืองกวางตุ้ง ชื่อร้าน เยลลี่ซุ่นเต๋อ ร้านอยู่ด้านหน้าทางเข้าโครงการ NOW SPACE พอดี อร่อยมากทุกเมนู อิ่มแล้วคณะของเราก็เดินทางต่อด้วยรถไฟใต้ดิน ไปขึ้นที่สถานี จากนั้นคณะของเราก็เดินชมเมือง ผ่านย่านที่กำลังพัฒนา ย่านที่พักอาศัยระดับไฮเอน ซึ่งอยู่ใกล้กับอาคารที่สาม ที่คณะของเรามาเยี่ยมชม

SHIPYARD 1862

เดิมทีที่นี่เคยเป็นอู่ต่อเรือที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1862 เคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของจีน ที่ต่อเรือขนาด 10,000 ตัน และส่งออก จนถึงปี 2005 จึงได้มีการย้ายอู่ต่อเรือทั้งหมดออกไป พื้นที่อุตสาหกรรมแห่งนี้จึงร้าง และได้ถูกพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้เข้ากับบริบทของเมืองที่กำลังพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการเงิน และสอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่
โดยโจทย์ที่ Kengo Kuma ได้รับ คือ การปรับปรุง ออกแบบอาคารอู่ต่อเรือเก่า พื้นที่ขนาด 9,000 ตรม นี้กลายเป็นพื้นที่ศิลปะ แฟร์ชั่นเชิงพาณิชยกรรม และรวมถึงโรงละครขนาดกลาง 800 ที่นั่ง ศูนย์ศิลปแฟชั่น พื้นที่แสดงนิทรรศการ และเอนกประสงค์อื่นๆ

ด้วยตัวอาคารเดิมหันหน้าไปทางแม่น้ำหวงผู่ ผนังอาคารเดิมสร้างด้วยอิฐมีสภาพผุพัง ตรงกลางอาคารเป็นช่องโล่ง ที่มีความสูง 20 ม. และมีความยาว 150 ม.ซึ่งทำให้เรือขนาดใหญ่ทะลุผ่านช่วงกลางอาคารไปได้ โดยมีเสาคอนกรีตขนาดใหญ่ ที่ค้ำยันอาคารเป็นแนวยาว ทำให้เกิดเป็น space ที่ดีและน่าประทับใจมากของอาคาร โดยที่สถาปนิกต้องการจะเก็บทั้งโครงสร้างและspace นี้ไว้

สิ่งแรกที่ Kengo Kuma ให้ความสำคัญ คือ facade อาคาร ซึ่งการรับรู้อาคารจากภายนอกเป็นสิ่งสำคัญ และการจะเปลี่ยนการรับรู้ของอาคารนี้ไปเป็นอาคารที่มีกิจกรรมใหม่ ตามโจทย์ได้ จึงต้องการภาษาของสถาปัตยกรรมมาช่วย ซึ่งสิ่งนี้ Kuma ได้หยิบยืมภาษาของผนังอิฐเดิมที่ผุกร่อน แต่นำมาเล่าใหม่ด้วยวิธีการใหม่ คือ การวางfacade อิฐด้วยpattern ใหม่ แบบ pixel facade โดยยอมให้แสงธรรมชาติลอดผ่านเข้าด้านในและในขณะเดียวกันก็ช่วยเปิดมุมมองจากภายในออกสู่ภายนอก โดยวิธีการวางอิฐแบบกึ่งโปร่งนี้ ใช้การยึดอิฐที่มีรูพรุนด้วยลวดแสตนเลสขนาด ศก 8 มม. และความหนาแน่นของอิฐจะเปลี่ยนไปตามการไล่ระดับ อิฐทั้งหมดที่ใช้ เป็นอิฐดินเหนียวสีแดง 4 เฉด ขนาด 345x120x60 มม.ใกล้เคียงกับอิฐทำมือเดิม โดยจะมีความหนาแน่นมากทางทิศตะวันออกและค่อยๆจางหายไปทางทิศตะวันตก นอกจากได้ภาษาสถาปัตยกรรมใหม่แล้ว ยังช่วยทำให้ผู้ใช้อาคารมีปฏิสัมพันธ์กับบริบทรอบๆ มากขึ้น ส่วนพื้นที่ภายในโครงสร้างเก่าได้รับการประเมินจากวิศวกรที่ปรึกษา Arup ว่าส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ดี จึงเก็บโครงสร้างเก่าไว้ และสร้างโครงสร้างใหม่ขึ้นมารองรับพื้นที่อาคารที่เติมเข้าไปใหม่โดยแยกฐานรากกันกับโครงสร้างเก่า ซึ่งจะทำให้สามารถออกแบบระบบแผ่นดินไหวและระบบโดยรวมง่ายขึ้น

พื้นที่ใช้งานภายในอาคารออกแบบให้มีพื้นที่เหนือดิน 5 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ทางฝั่งตะวันตกอาคารจะหันไปทางถนน ออกแบบให้เป็นพื้นที่พาณิชยกรรม โดยที่สถาปนิกเพิ่มพื้นที่ส่วน retails เข้าไปสี่ชั้น โดยแทรกตัวเข้าไปในโถง atrium ของอู่ต่อเรือเดิม ส่วนฝั่งตะวันออกจะมีวิวแม่น้ำที่สวยงาม เป็นตำแหน่งของโรงละคร ที่สถาปนิกออกแบบโดยแทรกห้อง auditorium ขนาด 800 ที่นั่ง เข้าไป และสามารถทำให้ผู้เข้าชมสามารถเห็นวิวแม่น้ำหวงผู่ได้เต็มๆ ตา และวางตำแหน่งของ atrium 2 แห่งไว้ทางทิศเหนือและทิศใต้ เพื่อต้องการเชื่อมมุมมองของเมืองกับริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่เข้าไว้ด้วยกัน โดยพื้นที่ atrium ที่2 แห่งนี้จะเชื่อมโยงกันด้วยโถงสูง 5 ชั้น ส่วนบรรยากาศภายในสถาปนิกต้องการแสดงวัสดุผิวเดิมของอาคารเดิม ทั้ง คอนกรีต แผงเหล็กสนิม คอนกรีตมวลเบาและตาข่ายแสตนเลส แยกจากวัสดุของพื้นที่ใหม่สร้างใหม่ ที่เป็นเหล็ก อลูมิเนียมและกระจกชัดเจน เพื่อให้เกิดบทสนทนาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ของอาคารต่อไป

ขอขอบคุณ คุณเจอร์รี่ หง (Jenchieh Hung) ที่เป็น Project Architect ของโครงการนี้ ที่ได้ติดต่อประสานงานกับเจ้าของโครงการเพื่อเปิดอาคารให้ชาวคณะให้เข้าเยี่ยมชมแบบสุด exclusive และพาคณะของเราเข้าชมทุกพื้นที่ในอาคาร พร้อมทั้งอธิบายแนวความคิดในการออกแบบอย่างละเอียดทุกจุด ได้ความรู้และความเข้าใจที่ดีมาก สร้างความประทับใจให้กับคณะดูงานของเรามาก
หลังจากดูงานอาคาร SHIPYARD 1862 แล้วคณะของเราเดินทางต่อไปยังอาคารที่อยู่ใกล้ๆนี้อีกงาน โดยการเดินผ่านย่านพัฒนาริมน้ำ EAST BUND ที่ประกอบไปด้วยสวนสาธารณะริมน้ำ ที่ออกกำลังกาย พื้นที่พักผ่อน เป็น public space ของย่านนี้ที่ให้คนในย่านนี้ได้เข้ามาใช้ประโยชน์ ซึ่งวันนี้ ก็มีคนมาใช้เยอะมากและอากาศก็เย็นสบายมีลมพัดตลอดเวลา และฝั่งตรงข้ามแม่น้ำหวงผู่ ฝั่ง WEST BUND ก็เป็นวิวที่สวยงามมากจนเดินเพลินๆ ไปตามทางเดินที่เตรียมไว้ และเราก็เดินมาถึงโครงการสุดท้ายที่คณะเราจะมาเยี่ยมชม

Shanghai LuJiaZui Exhibition Centre

     อาคารศูนย์นิทรรศการ Lujiazui ตั้งอยู่ทางตอนเหนือและเป็นพื้นที่พัฒนาล่าสุดของเซี่ยงไฮ้ผู่ตง ริมแม่น้ำ Huangpu เป็นพื้นที่ริมน้ำที่สวยงามและถูกกล่าวถึงว่ามีคนถ่ายรูปมากที่สุดในโลก พื้นที่โครงการเดิมเป็นอู่ต่อเรือเซี่ยงไฮ้ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในด้านอุตสาหกรรมทางทะเล ศูนย์นิทรรศการแห่งใหม่นี้ออกแบบให้ตั้งอยู่บนทางลาดของอู่เรือเก่า และใช้เป็นพื้นที่สำหรับใช้จัดกิจกรรมรวมภายใน ให้กับย่านการเงินที่ตั้งอยู่โดยรอบ

ตัวอาคารนิทรรศการ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 1,500 ตารางเมตร ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชื่อดัง OMA ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทางลาดของอู่ต่อเรือ มาออกแบบให้อาคารศูนย์นิทรรศการเป็น form อาคารที่เป็นทางลาดต่อเนื่องไปสู่อาคารที่แขวนลอยอยู่เหนือพื้นที่ลานพลาซ่า เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับโครงการ  และเชื่อมต่อกับพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการอื่นใต้ทางลาด พื้นที่ภายในอาคารออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งานได้หลายประเภทในอนาคต และรองรับกับกิจกรรมโปรแกรมใหม่ๆ เช่น สำหรับการฉายภาพยนตร์ การแสดงแฟชั่นโชว์ และการแสดงคอนเสิร์ต นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนทางลาดที่ออกแบบไว้ ให้กลายเป็นพื้นที่แสดงละครขนาดใหญ่สำหรับจัดงานต่างๆ ในขณะที่ลานพลาซ่าด้านล่าง ที่อยู่ใต้ห้องนิทรรศการที่ยกสูง ยังสามารถใช้เพื่อจัดงานที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นได้

ปัจจุบันพื้นที่นิทรรศการภายในถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านอาหารโอมากาเสะพรีเมี่ยมรองรับการเลี้ยงรับรองต่างๆ จากย่านการเงิน และต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมย่านนี้ ซึ่งวันนี้คณะของเราก็ได้เยี่ยมชมทั้งภายนอกและภายในโครงการ เดินถ่ายรูปรอบๆ อาคาร คุยแลกเปลี่ยนกันเกี่ยวกับ form ของการออกแบบ และระบบโครงสร้างอาคารที่ทำให้อาคารลอยอยู่ได้ในอากาศ สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ได้ไปเยี่ยมชมมาก คณะดูงานของเราจบการ City & Architecture walk tour ด้วยการถ่ายรูปร่วมกันที่ rooftop ของอาคาร Shanghai LuJiaZui Exhibition Centre กับบรรยากาศริมน้ำยามเย็นพระอาทิตย์กำลังตกดินที่สวยงามมาก เป็นความประทับใจมากบรรยากาศของการดูเดินงานวันนี้

การเดินทางมาเซี่ยงไฮ้ของคณะเราของวันนี้ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ในบทความถัดไป เราจะมาเล่ารายละเอียดของสถาปนิกไทย ที่เป็นตัวแทนของวงการวิชาชีพสถาปนิกบ้านเรา ที่ไม่ได้มาเรียนรู้ดูงานสถาปัตยกรรมเซี่ยงไฮ้เท่านั้น แต่ยังมา NETWORKING ร่วมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของสถาปนิกไทยให้กับสถาปนิกเซี่ยงไฮ้ฟังด้วย ที่มีเรื่องเล่าสนุกๆไม่แพ้การเที่ยวชมเมืองและสถาปัตยกรรมในช่วงตลอดทั้งวันของวันนี้ อย่าลืมตามไปอ่านกันต่อนะครับ

 

สำหรับการเดินทางดูงานที่เมืองจิ้นหยุนและหางโจว สามารถดูภาพบรรยากาศเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ https://asa.or.th/news/asa-trip-2023-review-1/

#ASATRIP2023

Photo Essay: ASA Trip in Shanghai 2023

Photo Credit: คุณอดุลย์, คุณไพทยา, คุณเจอร์รี่, คุณบุญชัย, คุณเฉลิมพล, คุณปราการ, ARCHDAILY

Facebook
Twitter
LinkedIn
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้