บ้านทางเลือกดินและไม้ไผ่ นวัตกรรมธรรมชาติจากอดีตสู่อนาคต
ปัจจุบันงานออกแบบก่อสร้างบ้านและอาคารมีการนำวัสดุจากธรรมชาติที่หาง่ายและลดกระบวนการผลิตที่สิ้นเปลืองพลังงานมาใช้ในการก่อสร้างมากขึ้น แนวคิดการสร้างบ้านดินและบ้านไม้ไผ่จึงมีการออกแบบนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ทั้งบ้านที่อยู่อาศัยขนาดเล็กไปจนถึงอาคารขนาดใหญ่ ภูมิปัญญาดั้งเดิมกำลังกลับมาเป็นทางเลือกสำหรับอนาคต ดินและไม้ไผ่ถือเป็นวัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่ายในเกือบทุกพื้นที่และมีศักยภาพที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้ ซึ่งถ้าอาคารที่ต้องการนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากก็อยู่ในวิสัยที่จะฝึกฝนให้สามารถทำด้วยตัวเองได้ บ้านดิน บ้านดินถือเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาดั้งเดิมในหลายพื้นที่ รวมทั้งมีเทคนิควิธีในการก่อสร้างที่หลากหลาย ต่อมาได้รับการศึกษาพัฒนาจนได้รับการรองรับด้วยกฎหมายในหลายประเทศ โดยมีการพัฒนาส่วนผสม เช่น การผสมปูนขาวหรือคอนกรีต เพื่อทำให้สามารถทนต่อการกัดเซาะของฝนได้ดีมากขึ้น เทคนิคการสร้างบ้านดินที่นิยมใช้มีอยู่ 2 วิธี คือการทำเป็นอิฐดินดิบและการใช้โครงไม้หุ้มด้วยดินผสมฟาง ดินที่เหมาะสมในการนำมาใช้ในการสร้างบ้านดินคือ ดินที่มีดินเหนียวเพียงพอที่จะทนต่อการกัดเซาะของน้ำ (ฝน) และมีทรายมากพอที่จะช่วยไม่ให้เกิดการแตกร้าว (จากการที่มีดินเหนียวมากเกินไป) ซึ่งสามารถทดสอบได้โดยการนำดินที่มีอยู่ในพื้นที่มาผสมน้ำเล็กน้อย นวดและปั้นให้เป็นก้อน ขนาดเท่ากับกำปั้นแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง ถ้ามีรอยแตกร้าวแสดงว่าควรจะผสมทรายเพิ่ม ถ้าไม่แตกร้าวให้ทดลองนำไปจุ่มในน้ำ ถ้าละลายอย่างรวดเร็วแสดงว่ามีทรายมากเกินไป ในการทำอิฐดินดิบจะมีการผสมแกลบ แล้วนำไปใส่ไม้แบบโดยเมื่อเทดินใส่แล้วจะทำการยกไม้แบบออกทันที เพื่อปล่อยให้อิฐแห้งก่อนจะนำไปใช้ ส่วนในการใช้โครงไม้นั้นจะต้องมีการทำผนังโครงสร้างตีเป็นตาตาราง (ให้มีช่องว่างพอที่จะลอดแขนเข้าไปทำงานได้ทั้งสองด้าน) จากนั้นนำดินที่ผสมฟางเส้นยาวมาวางพาดแล้วลูบผิวให้เรียบ ข้อดีของการทำอิฐดินดิบคือ สามารถทยอยทำอิฐสะสมไว้ก่อนได้ และใช้เวลาไม่มากในช่วงก่อสร้าง สามารถใช้เป็นผนังหรือโครงสร้างรับน้ำหนักได้ ในขณะที่การใช้โครงไม้หุ้มด้วยดินนั้นจำเป็นต้องมีโครงสร้างหลักที่จะรับน้ำหนักหลังคา (ซึ่งอาจจะเป็นเหล็กคอนกรีต อิฐดินดิบ หรือวัสดุอื่นก็ได้) แต่ก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามบ้านดินยังคงมีข้อด้อย คือแพ้น้ำที่อาจท่วมขังในระยะยาว การออกแบบจึงควรทำฐานรากและมีชายคาที่ยื่นยาว เพื่อป้องกันความชื้นจากดินและฝนที่จะปะทะกับผนังดินโดยตรง รวมทั้งไม่สามารถสร้างบนพื้นที่ซึ่งอาจมีน้ำท่วมขัง ยกเว้นการผสมก่อสร้างด้วยดินผสมคอนกรีตในอัตราสว่นประมาณ 7-10 เปอรเ์ซ็นต์ […]